คิง - นาคินทร์ อินทรสูต
KING - Nakin Intarasut | |
---|---|
ชื่อ-นามสกุล |
นาคินทร์ อินทรสูต (Nakin Intarasut) |
ชื่อเล่น |
คิง (King) |
วันเกิด (อายุ นับถึงปี 2559) |
9 กรกฎาคม พ.ศ.2540 (18 ปี) |
เพศ (รสนิยมทางเพศ) |
ชาย (ชอบผู้หญิง) |
สถานะ |
นักเรียนรุ่นที่ 6 (2556-2558) |
แผนการเรียน |
ศิลป์-ญี่ปุ่น |
ส่วนสูง-น้ำหนัก |
168 เซนติเมตร / 63 กิโลกรัม |
ศาสนา |
พุทธ |
กรุ๊ปเลือด |
n/a |
ชมรม |
ดนตรีสากล |
คิง - นาคินทร์ อินทรสูต
ข้อมูลทั่วไป
DB1
1. ชื่อจริง / นามสกุล / (ชื่อเล่น) นาคินทร์ อินทรสูต (คิง) Nakin Intarasut (King)
2. อายุ 15 ปี
3. วัน เดือน ปี เกิด 9 กรกฎาคม 2540
4. เพศ :ชาย รสนิยมทางเพศ : ชอบผู้หญิง
5. ความสูง : 168 ซม.(ยังสูงได้อีก เต็มที่ 175 ซม.) น้ำหนัก : 63 กก.
6. รูปพรรณสัณฐาน
(รูปชุดนักเรียนจากบล็อกโรงเรียนลูกบาศก์ โดยผอ.โคค่อน)
- ชุดนักเรียน เป็นเสื้อแขนสั้นสีขาว(และจะหมองในอนาคต) มีกระเป๋าที่อกซ้าย กางเกงขาสั้นสีกรมท่า เข็มขัดสีดำด้าน ถุงเท้ายาวสีขาวพับริมขอบ รองเท้านันยางสีดำเหยียบส้นที่ใส่มาตั้งแต่ม.ต้น ผิวรองเท้าขาดเป็นขุยบางส่วน หมายเหตุ : หากสอบผ่านเข้ามาเรียนแล้ว จะใส่เครื่องแบบของโรงเรียนลูกบาศก์
- กระเป๋านักเรียน ใช้กระเป๋าเป้สีดำ ห้อยพวงกุญแจรูปเต้าหู้ มักจะสะพายบ่าข้างเดียว หากวันไหนไม่ต้องพกหนังสือมาเยอะก็จะถือมาแต่แฟ้มใส่หนังสือกับกล่องดินสอมาโรงเรียน
- พวง กุญแจเต้าหู้ (ตามรูป) ได้มาจากร้านขายน้ำเต้าหู้สมัยประถม เพราะซื้อเยอะจนคนขายให้เป็นของขวัญวันปีใหม่ และห้อยติดกระเป๋านักเรียนมาตลอดตั้งแต่ได้มา ถ้าหายจะเสียดายมาก
- หน้ารูปไข่ ผิวขาวเหลือง ตาสีน้ำตาลเข้ม ผมดำหยักศกสั้น เส้นหนา ค่อนข้างยุ่ง แสกขวาปรกหน้าผาก สายตาสั้น 150 ใส่แว่นกรอบเงินทรงเหลี่ยมชั่วคราว(มักจะใส่ขณะเรียนหนังสือ อ่านหนังสือ หรือต้องดูอะไรอย่างจดจ่อ) ตาชั้นเดียวรียาวขนตายาว คิ้วเข้ม หน้าเป็นกระเล็กน้อยบริเวณโหนกแก้ม ริมผีปากบางแห้ง
- ของทุกชิ้นที่เป็นอุปกรณ์การเรียนจะเขียนสัญลักษณ์ K ไว้ ยกเว้นสมุดที่ต้องส่งอาจารย์จะเขียนตามที่อาจารย์กำหนด
- ร่างกายมีกล้ามเนื้อและผิวกร้านตามลักษณะวัยรุ่นชายทั่วไป มีขนหน้าแข้งอ่อน ๆ
7. ลักษณะนิสัยและพฤติกรรมต่างๆของตัวละคร
keyword : ไม่ค่อยแสดงความรู้สึก / พึ่งตัวเอง / ขี้รำคาญ / ไม่ยอมให้ใครมาเอาเปรียบ / มั่นใจในความคิดตัวเองโดยไม่ค่อยสนใจคนรอบข้าง / พยายามเปิดกว้าง
- ไม่ค่อยแสดงความรู้สึก :
1) มักจะไม่ค่อยแสดงอารมณ์ออกทางสีหน้า ทำให้ผู้คนทั่วไปเดาอารมณ์ไม่ค่อยออก ไม่ค่อยยิ้ม ยกเว้นเจอสิ่งที่ประทับใจมาก ๆ จะยิ้มน้อย ๆ เส้นลึก นาน ๆ ทีจะหัวเราะ
2) แสดงอารมณ์ในด้านไม่ดีออกมาง่ายกว่าอารมณ์ในด้านดี เช่น หาก 'รู้สึกหงุดหงิด' ก็จะขมวดคิ้ว แสดงออกมาว่าหงุดหงิดได้ง่ายกว่าเมื่อ'รู้สึกมีความสุข' เป็นต้น
3) ไม่ค่อยแสดงว่าสนใจใครถึงแม้จะสนใจก็ตาม
4) มักหาเหตุผลมาอธิบายสิ่งต่าง ๆ มากกว่าใช้อารมณ์ แต่บางครั้งก็ดูเหมือนนำเหตุผลมาอ้างเพื่อปิดบังอารมณ์
5) เสียงพูดนิ่งเรียบแต่ชัดเจน ไม่พูดจาไร้สาระเนื่องจากคิดว่าไม่มีเหตุผลที่จะต้องพูด โดยปกติจะพูดจาตามมารยาท สุภาพ แต่เย็นชาจนรู้สึกได้ถึงความห่างเหิน - พึ่งตัวเอง :
เนื่องจากเหตุการณ์ในสมัยเด็กทำให้ไม่เชื่อใจใคร จึงมักจะทำตัวสันโดษ พยายามออกห่างจากผู้คนและปกป้องตัวเอง
1) เนื่องจากเป็นคนไม่ค่อยไว้ใจใคร จึงไม่ชอบขอความช่วยเหลือจากคนอื่น ดังนั้นคิงจะทำการบ้านเอง และกลายเป็นต้นฉบับให้เพื่อน ๆ
2) ในกรณีมีเรื่องที่เป็นปัญหาและแก้ไขด้วยตัวเองไม่ได้
- หากเป็นปัญหาเล็กน้อย คิงจะรับผลของการกระทำด้วยตัวเอง เช่น ทำการบ้านไม่ทัน จะไม่ยอมขอใครลอก แต่จะยอมเสียคะแนนเอง เป็นต้น
- หากเป็นปัญหาใหญ่จึงจะขอความช่วยเหลือ โดยจะพยายามหาทางตอบแทนให้ได้จนดูเหมือนเป็นการทำข้อตกลงที่เท่าเทียมกันมากกว่าการขอร้องอยู่ฝ่ายเดียว
- บุคคลที่คิงจะขอความช่วยเหลือ คือ คนที่ตัวเองไว้ใจเท่านั้น เช่น
้องชายต่างมารดา เพื่อนสนิท(ถ้ามี) เป็นต้น (พฤติกรรมการขอให้ช่วยอาจจะดูแข็งกระด้างและไม่เหมือนกำลังขอร้องอยู่ แต่หากไม่ได้รับความช่วยเหลือในครั้งแรก น้ำเสียงจะลดความกระด้างลงเล็กน้อย และพยายามเสนอสิ่งตอบแทนให้มากขึ้นในการขอให้ช่วยครั้งที่สอง- นี่คือวิธีการเซ้าซี้ของคิง)
- ในกรณีที่ไม่มีคนที่ไว้ใจอยู่บริเวณนั้น และจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจริงๆ จะขอความช่วยเหลือจากใครซักคนในลักษณะที่เป็นข้อแลกเปลี่ยน เช่น ช่วยคิงแลกกับเงิน หรือ ช่วยคิงแลกกับทำการบ้านให้ เป็นต้น (พฤติกรรมการข้อร้องจะใช้ภาษาสุภาพตามมารยาท และไม่มีการเซ้าซี้ แต่หากเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือจริงๆ คิงจะเสนอสิ่งตอบแทนให้มากขึ้นด้วยคำพูดรูปแบบเดิม)
- ขี้รำคาญ :
1) เมื่อเจอสถานการณ์น่ารำคาญจะรู้สึกหงุดหงิดและพยายามหาทางหลีกหนี
2) หากไม่สามารถหลีกหนีได้ จะพูดเจตจำนงหรือความรู้สึกของตัวเองไปตรงๆ ด้วยถ้อยคำสุภาพตามมารยาท น้ำเสียงไม่บ่งบอกอารมณ์ เช่น หยุดพูดได้มั้ยครับ หรือ กรุณาอย่ารบกวนตอนผมอ่านหนังสือครับ เป็นต้น
3) หากรำคาญมาก ๆ จะขมวดคิ้วชัดเจน และเมื่อรำคาญจนหมดความอดทนจะเดินหนีโดยเมินอีกฝ่ายไปเลย
หากหนีไม่พ้นอาจใช้ความรุนแรง เช่น ผลักออก ต่อย ตวาด ฯลฯ เพื่อให้อีกฝ่ายหยุดทำ หรือให้ตัวเองหนีออกมาได้ ซึ่งความรุนแรงจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์และบุคคล เช่น รุนแรงกับผู้ชายมากกว่ากับผู้หญิง ไม่ค่อยรุนแรงกับผู้อาวุโส
สถานการณ์น่ารำคาญ คือ สถานการณ์ที่ถูกรบกวนมากเกินไป เช่น เสียงดัง ถูกซักถามเรื่องส่วนตัวมากเกินไป ถูกเกาะแกะ ถูกชวนคุยในเรื่องไร้สาระมากเกินไป อีกฝ่ายหัวเราะมากเกินความจำเป็น เสียใจมากเกินความจำเป็น เรียกร้องมากเกินไป ถูกแกล้ง เป็นต้น
ลำดับพฤติกรรมตามอารมณ์โกรธ : นิ่ง(เฉยๆ) > พูดด้วยสีหน้านิ่ง(รำคาญ) >
ูดพร้อมขมวดคิ้ว(รำคาญมาก) > ลงไม้ลงมือ/ตวาด(ทนไม่ไหวแล้ว)
- ไม่ยอมให้ใครมาเอาเปรียบ :
1) หากรู้สึกว่าถูกเอาเปรียบจะบอกไปตรงๆ ว่า "คุณเอาเปรียบผมอยู่นะ" "หยุดทำแบบนั้นได้มั้ยครับ" หรือเสนอเงื่อนไขของตน เช่น "เอาเป็นแบบนี้ดีมั้ย..."
2) ไม่ยอมให้ตัวเองถูกรังแก
- ในกรณีที่รังแกทางวาจา เช่น สบประมาท ด่า ใส่ความ จะใช้เหตุผลและความจริงเข้าสู้ เช่น
A : "ที่ได้เกรดสี่เพราะโกงใช่มั้ยล่ะ"
King : "ไม่ได้โกงครับ"
A : "อย่าโกหก คะแนนแกมันมากผิดปกตินะ"
King : "นั่นเพราะผมอ่านหนังสือมากขึ้น..."
แต่
หากคำพูดของคู่กรณีฟังดูไร้สาระเกินไป จะเมินเสีย เช่น แกนี่หน้าเหมือนจิ้งจกเลยนะ หรือคำหยาบที่ไม่มีความหมายสอดคล้องกับความจริง เช่น ไอ้เหี้ย ไอ้สัตว์ เป็นต้น (กรณีนี้ หากพูดบ่อยๆ อาจทำให้คิงเกิดความรำคาญได้ และพฤติกรรมจะเป็นไปตามข้อขี้รำคาญ)
- ในกรณีที่รังแกถึงเนื้อถึงตัว คิงจะใช้วิธีถึงเนื้อถึงตัวกลับทันที เช่น ต่อยมาต่อยกลับ เป็นต้น
- หากรังแกด้วยวาจา ปกติคิงจะไม่ค่อยทำร้ายคู่กรณี ยกเว้น [1]ใส่ความแม่แท้ๆของตน [2]พูดจี้ปมด้อยเรื่องครอบครัว เช่น ไอ้ลูกกาฝาก เป็นต้น [3] คิงหยุดแล้ว แต่อีกฝ่ายไม่หยุดจนน่ารำคาญ / กับผู้หญิงก็ไม่ยกเว้น แต่ความรุนแรงอาจจะต่างกัน เช่น ต่อยผู้ชาย กระชากคอเสื้อผู้หญิง เป็นต้น
3) ไม่ยอมถูกสั่งโดยที่คนสั่งยกตนเหนือคิงเกินกว่าสถานะที่แท้จริง เช่น
- อาจารย์สั่ง คิงจะทำตาม(หากคิดว่าสมควร) เพราะสถานะของอาจารย์สูงกว่าอยู่แล้ว
- เพื่อนที่ทำงานกลุ่มร่วมกันสั่งด้วยพฤติกรรมที่เหมาะสมสถานะ(เพื่อน) คิงจะทำตามเพราะถือเป็นหน้าที่
- เพื่อนสั่งโดยยกตนให้สูงกว่าคิง คิงจะไม่ทำตามและเมินไป เพราะทั้งคู่ควรอยู่ในสถานะที่เท่ากัน ไม่มีใครมีอำนาจสั่งใครได้ (ควรเปลี่ยนเป็นขอให้ช่วย)
- อาจารย์สั่งเกินขอบเขตของอาจารย์ คิงจะไม่ทำตามและเมินไป เช่น ไปซื้อน้ำมาให้ฉันสิ (ควรเปลี่ยนเป็นขอให้ช่วยแทน เช่น นักเรียนช่วยไปซื้อน้ำมาให้อาจารย์ได้มั้ย ) เป็นต้น
- มั่นใจในความคิดตัวเองโดยไม่ค่อยสนใจคนรอบข้าง :
1) เพราะตัวเองเป็นคนที่รับฟังเหตุผลและพยายามเข้าใจคนอื่นมากแล้ว จึงคิดว่าความคิดสุดท้ายของตนน่าจะถูกที่สุด เป็นคนที่กล้าพูดความคิดของตัวเอง พูดจาตรงไปตรงมาตามที่คิดจนบ้างครั้งก็ดูกระด้างจนขัดใจผู้ฟัง
ยกเว้น : สามารถหาเหตุผลที่คิงยอมรับได้มาอธิบาย
2) ดื้อเงียบ : รับฟังความเห็น คำกล่าวโทษ และคำสั่งอย่างสงบ หากไม่เห็นด้วยจะไม่เชื่อและถามกลับพร้อมเสนอความคิดของตัวเองอย่างสุภาพ หากความคิดยังขัดแย้งกันอยู่ก็จะไม่เถียงต่อ แต่ก็จะยังคงไม่เชื่อและไม่ทำตาม
3) ต่างคนต่างความคิด ทางใครทางมัน : หากมีความคิดเห็นไม่ตรงกัน คิงจะใช้วิธี "ต่างคนต่างความคิด ทางใครทางมัน" เช่น
A : ฉันว่าแผน ก. ดีกว่า
King : เราว่าแผน ค. ดีกว่า เพราะประหยัดเวลาและให้ผลเหมือนกัน
A : แต่แผน ก. ชัวร์กว่านะ ... เสียเวลาหน่อย แต่ชัวร์ว่าถูก
King : เรามั่นใจว่าเราสามารถทำให้แผน ค. ถูกได้ ถ้านายยังอยากใช้แผน ก. อยู่ก็ต่างคนต่างทำแล้วกัน
(คิงพูดแบบนี้เพราะมั่นใจจริงๆ หากไม่มั่นใจคิงจะเปลี่ยนใจไปยอมรับแผน ก. เพราะตนพิจารณาแล้วว่าน่าจะดีกว่า)
หรือ
ช่วยเลือกกระเป๋าให้ใครซักคน "จะซื้อหรือไม่ก็เรื่องของคุณ แต่ผมคิดว่าราคาแพงเกินเหตุไปหน่อย เป็นผมผมไม่ซื้อครับ"
หมายเหตุ : ในกรณีที่เป็นงานกลุ่ม และความเห็นไม่ลงรอย คิงจะยึดหลักประชาธิปไตยในการตัดสิน เสียงส่วนใหญ่อยากทำอะไรก็ทำตามนั้น
- พยายามเปิดกว้าง :
1) ไม่ค่อยมีอคติต่อสิ่งต่างๆ เพราะค่อนข้างเข้าใจว่า แต่ละคนก็มีเหตุผลของเขาที่ทำให้คิดแบบนั้น ทำแบบนั้น (ไม่เกี่ยวกับความเห็นใจ)
เช่น
เข้าใจว่าเด็กซนเพราะเป็นเด็ก
แต่หากเด็กซนมากคิงก็รู้สึกรำคาญอยู่ดี(เข้าใจแต่ไม่เห็นใจ) แต่จะไม่เก็บเอาไปเป็นอคติว่า ฉันเกลียดทุกคนที่เป็นเด็ก
คิงไม่ชอบพรรค พ. แต่ก็เข้าใจว่าคนที่ชอบพรรค พ. มีเหตุผลของเขา ถึงแม้คิงจะไม่รู้ว่าเหตุผลนั้นคืออะไร แต่ก็ไม่ได้เกลียดคนที่ชอบพรรค พ.
2) รับฟังคนอื่นและพยายามทำความเข้าใจ แต่จะเชื่อ-ไม่เชื่อ เห็นด้วย-ไม่เห็นด้วย เข้าใจ-ไม่เข้าใจ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งขึ้นกับวิจารณญาณของคิง
3) ต่างคนต่างความคิด ไม่พยายามยัดเยียดให้คนอื่นคิดเหมือนตน (แต่ตนก็จะไม่ยอมถูกบังคับให้คิดเหมือนคนอื่นเช่นกัน) (ตัวอย่างตาม "มั่นใจในความคิดตัวเองโดยไม่ค่อยสนใจคนรอบข้าง" ข้อ3 )
4) อ่านหนังสือ-ดูหนัง-ฟังเพลง แนวใหม่ๆได้ ไม่ยึดติดกับแนวใดแนวหนึ่ง
- นิสัยอื่น ๆ :
- เข้าเรียนและนั่งฟังวิชาหลักทุกคาบ แต่จดหรือไม่จดแล้วแต่อารมณ์
8. การใช้คำพูด โดยปกติจะพยายามพูดให้ดูห่างเหินกับคนที่ไม่รู้จัก และใช้คำที่สุภาพตามมารยาทและปลอดภัย(ไม่ก่อให้เกิดความบาดหมาง)
- พูดกับเพื่อน :
(ทั่วไป)ชื่อ - เรา
(สนิท)มึง/ชื่อ - กู
- บุคคลทั่วไป : คุณ - ผม
- อาจารย์ : อาจารย์(+ชื่อ) - ผม
- ผู้ใหญ่ที่ไม่ใช่คนในครอบครัว : พี่/ป้า/น้า/อา/ลุง/ตา/ยาย/(+ชื่อ) - ผม
- รุ่นพี่ : พี่(+ชื่อ) - ผม
- รุ่นน้อง : ชื่อ - เรา
- น้องชายต่างมารดา : กัน/ไอ้กัน!/แก - ฉัน
- ถ้าไม่รู้จักชื่อจะเรียก "คุณ" กับทุกคน และแทนตัวเองตามที่กล่าวมาข้างต้น - ในกรณีที่คุยกับบุคคลที่อายุมากกว่า อายุเท่ากัน หรือไม่ทราบอายุว่ามากหรือน้อยกว่า : หากสนิทจะพูดไม่มีหางเสียง หากไม่สนิทจะพูดมีหางเสียง(ครับบ้าง ฮะบ้าง) - ไม่พูดมีหางเสียงกับคนในครอบครัว - เรียกชื่อบุคคล ตามที่คนส่วนใหญ่เรียก ในทุกกรณี เช่น ถ้าคนส่วนใหญ่เรียกชื่อเล่น ก็จะเรียกชื่อเล่น ถ้าคนส่วนใหญ่เรียกชื่อจริง ก็จะเรียกชื่อจริง ไม่เรียกฉายายกเว้นอยากแกล้ง (นานๆครั้ง : 1 เทอมอาจจะมีซัก 1-2 ครั้ง) หมายเหตุ : อยากแกล้ง เมื่อ [1]หมั่นไส้ [2]เอ็นดู 9. สิ่งที่ชอบ (และปฏิกิริยาที่แสดงออก)
- น้ำเต้าหู้ - มักจะแย่งน้องชายต่างมารดากิน เห็นเมื่อไหร่จะเดินเข้าไปซื้อ ดื่มหมดแก้วแล้วจะหลับตาอมยิ้มบาง ๆ ซึมซาบในรสน้ำเต้าหู้
- ดนตรี โดยเฉพาะเปียโน
- ชอบฟังเพลงเปียโนบรรเลงโดยใช้หูฟังต่อกับโทรศัพท์มือถือ หากพบเจอใครกำลังดีดเปียโนสด ๆ จะเข้าไปยืนฟังและจ้องมองจนลืมเวลาราวกับติดกับมนต์เสน่ห์แห่งเสียงเพลง
- ส่วนดนตรีอื่นๆ ได้แก่ ขลุ่ย เนื่องจากคิงเป็นคนเป่าขลุ่ยอยู่แล้ว เมื่อเจออะไรเกี่ยวกับขลุ่ยจึงสนใจ อยากเรียนรู้ แต่ชอบเปียโนมากกว่า
- แนวเพลงที่ชอบ : Classical , Pop , Jazz (เรียงจากมากไปน้อย)
- เค้กช็อคโกแลตของร้านหนึ่งที่คิงก็ไม่ทราบว่าเป็นร้านไหน – เป็นเค้กที่คิงเคยกินกับแม่แท้ ๆ เมื่อตอนวันเกิดอายุครบ 6 ขวบ
- ความเงียบสงบ – คิงจะรู้สึกผ่อนคลายเมื่ออยู่ในที่เงียบ ๆ
- ท้องฟ้า – มักจะมองเมฆที่เลื่อนลอยไปบนท้องฟ้าในวันที่อากาศดีอยู่บ่อย ๆ
10. สิ่งที่เกลียด,กลัว (และปฏิกิริยาที่แสดงออก)
เกลียด
- การถูกเอาเปรียบ (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ข้อ 7 : ไม่ยอมให้ใครมาเอาเปรียบ)
- การถูกเลือกปฏิบัติ - เพราะตอนอยู่ที่บ้านถูกอาม่าปฏิบัติอย่างลำเอียง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้จึงเกิดเป็นนิสัยตามข้อ 7 ทั้งพึ่งตัวเอง และพยายามเรียกร้องความเป็นธรรมไม่ให้ตัวเองถูกเอาเปรียบ แต่หากทำอะไรไม่ได้จริงๆก็จะยอมรับสภาพและแกล้งเมินมันไป (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ข้อ 7)
- บุคคลตามข้อ 18
กลัว
- การอยู่คนเดียวในความมืด :
- สาเหตุของความกลัวนี้ เพราะสมัยเด็ก ๆ อายุไม่เกิน 8 ขวบ
เคยรอแม่อยู่คนเดียวในบ้าน2คืนก่อนจะรู้ว่าแม่เสียชีวิตแล้วในเช้าวันถัดมา
- ในปัจจุบันตามปกติคิงจะนอนห้องเดียวกับน้องชายต่างมารดา แต่หากคืนไหนต้องนอนคนเดียวจะนอนเปิดไฟสลัว ๆ ไว้
- หากจำเป็นต้องอยู่ในความมืดคนเดียว จะพยายามหาทางออกให้เร็วที่สุดก่อนที่
ความกลัวจะครอบงำ (ภายใน2-5นาที เกินกว่านั้นจะเริ่มกลัว) เมื่อเริ่มกลัวจะนั่งกอดเข่าขดตัวก้มหน้าจนกว่าจะมีแสงสว่าง หรือมีใครเข้ามา
- หากจำเป็นต้องผ่านที่มืด จะวิ่งผ่านให้เร็วที่สุด
- กระต่าย :
- สาเหตุ เพราะ ตอนม.ต้น เคยได้ยินเรื่องเล่าจากเพื่อนว่า กระต่ายกัดได้ หลังจากนั้นก็สุมความกลัวด้วยมโนของตัวเองจนกลายเป็นความกลัวไป
- มองหน้าตากระต่ายแล้วรู้สึกกลัวขึ้นมา รู้สึกถึงความหยิ่งยโสและความดุร้ายที่แอบซ่อนอยู่ในความน่ารัก
- หากเห็นกระต่ายมักจะเลี่ยงที่จะเข้าใกล้ หากกระต่ายเข้ามาใกล้จะเดินหนีเนียน ๆ ไม่ให้คนอื่นรู้ว่ากลัวกระต่าย
ไม่ชอบ
- อาม่า :
- เพราะอาม่าไม่ชอบคิง มักจะเมิน ใส่ร้าย มีอคติกับคิงอย่างเห็นได้ชัด สมัยคิงเด็กๆจะถูกอาม่าตีประจำ ทั้งจากเรื่องที่ทำผิดจริงและเรื่องที่ไม่ได้ทำอะไรผิด แต่เมื่อโตขึ้นก็ต่างคนต่างอยู่ อาม่ายังดุด่าคิงอยู่บ้างแต่ไม่ตีแล้ว
- เมื่อถูกตี(ตอนเด็กๆ)จะปกป้องตัวเอง เช่น ยกแขนกัน วิ่งหนี เป็นต้น แต่จะไม่ทำร้ายกลับ ปัจจุบัน คิงพยายามเลี่ยงที่จะพบเจอหรือพูดคุยกับอาม่า แต่ยังคงรับรู้ได้ถึงความเกลียดชังของอาม่าผ่านสายตา พฤติกรรม และคำจิกกัด
- สิ่งปกติที่คนทั่วไปไม่ชอบกัน เช่น สิ่งปฏิกูล อาหารเสีย แมลงสาบ ฯลฯ
- ไม่อยากเข้าใกล้ ดม หรือจับ แต่จะไม่ทำหน้าตาหรือทีท่าขยะแขยง อาจจะมีขมวดคิ้วบ้าง หากจำเป็นจริงๆก็สามารถเข้าใกล้ หรือจับ ได้ แต่ต้องมีอุปกรณ์ทำความสะอาดหรืออุปกรณ์ที่ประยุกต์ใช้ได้ ไม่ใช้มือเปล่าสัมผัส เช่น เอาไม้กวาดไล่แมลงสาบ ชำระล้างสิ่งปฏิกูลต้องใส่ถุงมือ เป็นต้น
แพ้
- กุ้ง : แพ้กุ้ง กินแล้วผื่นขึ้น
11. งานอดิเรก
- เป่าขลุ่ยเพียงออ - เป็นขลุ่ยเพียงออพลาสติกที่โรงเรียนบังคับให้ซื้อมาใช้ในการเรียนดนตรีตอนม.1 และคิงก็ใช้ขลุ่ยเลานี้มาตลอด มักพกติดกระเป๋านักเรียนเสมอ จะเล่นเมื่ออยู่คนเดียว ไม่ค่อยเล่นให้ใครฟัง
- ตระเวนกินเค้กช็อคโกแลต - สมัยเด็กตอนที่ยังอาศัยอยู่กับแม่ ในวันเกิดอายุครบ 6 ขวบ คิงได้รับเค้กช็อคโกแลตเป็นของขวัญวันเกิด รสชาติแสนอร่อยและบรรยากาศในวันนั้นติดตราตรึงใจมาจนถึงทุกวันนี้ ด้วยเหตุนี้ คิงจึงตระเวรกินเค้กช็อคโกแลตขึ้นชื่อตามร้านต่าง ๆ เท่าที่เงินเก็บของตนจะอำนวยเพื่อตามหาเค้กที่เหมือนกับเค้กชิ้นนั้น
- อ่านการ์ตูน - มักจะแย่งการ์ตูนของน้องชายต่างมารดาอ่าน และจะอ่านด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่ค่อยแสดงอารมณ์ ดูไม่ออกว่าสนุกหรือไม่สนุก
- อ่านหนังสือ - อ่านหนังสือได้ทุกประเภทตามที่มีอยู่ที่บ้าน ส่วนมากจะเป็นหนังสือรางวัล ปรัชญา และวิชาการ เป็นสิ่งที่พกติดตัวตลอดเวลาสำหรับอ่านเมื่อมีเวลาว่างเล็ก ๆ น้อย ๆ ระหว่างวัน
12. สายการเรียน
ศิลป์-ภาษาญี่ปุ่น
สาเหตุที่เข้าสายนี้ : คิงเลือกสายภาษาเพราะอยากไปเรียนต่อต่างประเทศ และเป็นคนชอบภาษาอังกฤษอยู่แล้วแต่ที่เบนมาสายศิลป์ญี่ปุ่นเพราะญี่ปุ่นมีทุนเรียนต่อเยอะกว่า และอยากลองศึกษาภาษาใหม่ด้วย
หมายเหตุ : เนื่องจากเป็นเด็กหัวดี สามารถเรียนได้ทุกวิชาที่อยากเรียน จึงไม่จำเป็นต้องเรียนตามวิชาที่ถนัด
13. วิชาที่ชอบ / ไม่ชอบ (พร้อมเหตุผลในแต่ละอัน)
- วิชาที่ชอบ คือ
1. ดนตรี เพราะสนใจอยู่แล้ว อยากเรียนดนตรีเป็นทุนเดิมแต่ครอบครัวไม่สนับสนุน
2. ภาษาอังกฤษ เพราะมีความใฝ่ฝันอยากชิงทุนไปเรียนต่างประเทศ เพื่อที่จะได้มีโอกาสออกห่างจากครอบครัวตัวเองในปัจจุบัน
หมายเหตุ : วิชาที่ชอบจะพยายามขวนขวายเองเพิ่มเติม
- วิชาที่ไม่ชอบ คือ
1. การงานอาชีพ 2.ศิลปะ 3.นาฏศิลป์ เพราะไม่รู้ว่าเรียนไปทำไม คิงคิดว่าทักษะทางศิลปะและนาฏศิลป์ไม่มีประโยชน์ในการใช้ชีวิต ส่วนการงานอาชีพก็เป็นสิ่งที่เรียนรู้ได้เองในชีวิตประจำวัน วิชาเหล่านี้จึงดูเหมือนจะเป็นวิชาไร้สาระในสายตาคิง
14. วิชาที่ถนัด / ไม่ถนัด (พร้อมเหตุผลในแต่ละอัน)
- วิชาที่ถนัด คือ
- คณิตศาสตร์ เป็นวิชาที่ถนัดมากที่สุด ตอนเด็ก ๆ คิงจะเล่นเกมส์แข่งกันคิดเลขเร็วกับแม่แท้ ๆ จึงทำให้มีทักษะในด้านนี้ และครอบครัวที่อยู่ในปัจจุบันก็ค่อนข้างเคร่งเรื่องการเรียน
หมายเหตุ : คิงสามารถเรียนได้ดีเกือบทุกวิชาเนื่องจากเป็นเด็กหัวดี
- วิชาที่ไม่ถนัด คือ ศิลปะ และ นาฏศิลป์ เพราะไม่ได้สนใจและไม่มีความสามารถด้านนี้
15. คะแนนวิชาต่างๆในตอน ม.3
คณิตศาสตร์ 4
วิทยาศาสตร์ 4
- ฟิสิกส์ 4
- เคมี 4
- ชีวะ 4 (หมายเหตุ : ถึงแม้เรียนวิชาพวกนี้ได้ดี แต่ก็ไม่ได้คิดจะเข้าสายวิทย์)
ภาษาอังกฤษ 4
ภาษาไทย 4
สังคม 4
การงานอาชีพ 3 (ไม่ค่อยส่งงาน และไม่สนใจวิชานี้)
สุขศึกษา 4 (ไม่สนใจวิชานี้)
พลศึกษา 4 (ไม่สนใจวิชานี้)
คอมพิวเตอร์ 4 (ไม่สนใจวิชานี้)
ดนตรี/ศิลปะ/นาฏศิลป์ 2 (ไม่ทักษะด้านศิลปะ นาฏศิลป์ และดนตรีบางประเภท สามารถเป่าขลุ่ยได้เป็นอย่างดี)
แนะแนว ผ
ภาษาญี่ปุ่น 4 (วิชาม.ปลาย : สำหรับภาษาญี่ปุ่น ปัจจุบันทราบศัพท์บางคำจากหนังสือการ์ตูนและหนังสือแปล นอกนั้นไม่ทราบอะไรเลย)
คิงเป็นเด็กหัวดีอยู่แล้ว ความจำดี ทักษะการเรียนรู้ดี จึงสามารถทำคะแนนได้ดีแม้จะไม่ใช่วิชาที่สนใจ
16. ความสามารถพิเศษในการเรียน
- ความจำดี
- ในกรณีที่ฟังอาจารย์สอนในห้อง หากเป็นวิชาที่ใช้ความเข้าใจก็จะจำได้ 80% แม้จะไม่ค่อยตั้งใจเรียนก็ตาม หากเป็นวิชาที่ต้องท่องจำ เช่น ภาษา ก็จะต้องกลับไปทบทวน 2-3 รอบ
- ในกรณีที่อ่านหนังสือสอบ สามารถอ่านหนังสือรอบเดียวแล้วจำได้เลยในวิชาที่ใช้ความเข้าใจ ส่วนวิชาท่องจำต้องท่อง 2-3รอบ
- เป็นคนอ่านหนังสือช้าและใช้สมาธิในการอ่านสูงจึงต้องอ่านคนเดียวเท่านั้น
- ทักษะเรียนรู้ดี มักจะเข้าใจอะไรได้เร็ว
- เป่าขลุ่ยเพียงออได้อย่างเชี่ยวชาญ
https://www.youtube.com/watch?v=XdNXgt5bfjk
https://www.youtube.com/watch?v=4H14UvEseM4
- คิดเลขเร็ว สามารถคิดเลขในใจได้อย่างรวดเร็ว :
- บวก ลบ เลขซับซ้อน(เลขไม่เหมือนกันเลย เช่น 5,893,442 - 4,593,321) โดยไม่ทด 7-10 หลัก
(จำคำตอบของแต่ละหลักเอา ขีดจำกัดความจำอยู่ที่ 10 หลัก)
- คูณ หาร เลขซับซ้อน(เช่น 9,423 /92 หรือ 392 x 94) โดยไม่ทด 2-4 หลัก โดยต้องมีตัวใดตัวหนึ่งไม่เกิน 2 หลัก
- คิดเลขในใจ ใช้เวลา 0.5 - 45 วินาที ตามความซับซ้อนของตัวเลข
17.ลักษณะคนที่จะเป็นเพื่อนได้
- คนที่ไม่ทำให้คิงรู้สึกรำคาญ เช่น ไม่พูดมาก ไม่เรื่องมาก ไม่ส่งเสียงดังหนวกหู
- ไม่ยุ่งเรื่องชาวบ้าน เคารพสิทธิของคนอื่น ไม่ก้าวก่ายเรื่องที่ไม่ได้รับอนุญาต
- ชอบดนตรี
- ไม่หาเรื่องชวนทะเลาะ
- จริงใจ ไม่เสแสร้ง
- ไม่อ่อนไหวจนเกินไป (อ่อนไหวเกินไป เช่น ร้องไห้บ่อย ๆ ขี้งอน โมโหง่าย เป็นต้น คิงบอกว่า รำคาญ)
- รักษาสัญญา
- เป็นผู้พูดและผู้ฟังที่ดี คือ ไม่พูดแข่งกันและรับฟังอีกฝ่าย
ข้อห้ามทั้งหมด จะถูกยกเว้นในกรณีที่ 1. เขาหรือเธอคนนั้นทำดีกับคิงมาก ๆ 2. เป็นคนมีศีลธรรมดีมาก ๆ
18. ลักษณะคนที่ไม่ถูกชะตา
- อ่อนแอ เหยาะแหยะ ขี้อาย ไม่กล้าพูดในสิ่งที่ตัวเองคิด
- คนที่เกลียดคิง เช่น อาม่า
- ขี้นินทา
- สนใจภาพลักษณ์ รูปลักษณ์มากเกินพอดี
- คนที่อกตัญญูต่อแม่ตัวเอง : คิงจะเกลียดคนคนนั้นอย่างมีอคติไปเลย เพราะถือว่าแม่เป็นผู้ให้กำเนิด จะดีจะร้ายยังไงก็เป็นแม่อยู่ดี จะพยายามยุ่งด้วยให้น้อยที่สุด หากเห็นว่าทำไม่ดีกับแม่ เช่น นินทา พูดจาไม่ดีใส่ เอาเรื่องแย่ๆมาเล่าให้ฟัง จะเข้าไปตักเตือนอย่างเย็นชา เช่น "คุณพูดถึงคนที่ให้กำเนิดคุณแบบนี้เหรอ"
- คนที่ทำร้ายน้องชายต่างมารดา : ถ้าเห็นขณะทำร้ายจะเข้าไปช่วย หากไม่รุนแรงจะใช้วาจา หากรุนแรงจะใช้กำลัง และมีอคติกับคนคนนั้นไปเลย
- คนที่แกล้งตน
- หลอกลวง : เมื่อโดนหลอกซักครั้ง จะจำไว้ว่าคนนี้เป็นคนหลอกลวงและมีอคติ
ปฏิกิริยาโต้กลับนอกเหนือจากที่ไม่ได้ระบุไว้
- ถ้าเลี่ยงได้คิงจะพยายามเลี่ยง หรือบางทีก็เมินไป หากถูกถามสาเหตุจะตอบตรงๆว่า "คุณเป็นคน(ลักษณะที่ไม่ชอบ) เราไม่ชอบคุณ"
- หากอยู่ในสถานการณ์ที่เลี่ยงไม่ได้ก็จะเป็นไปตามข้อ 7 "ขี้รำคาญ" กับ "ไม่ยอมให้ใครมาเอาเปรียบ"
- หากเปลี่ยนนิสัย หรือได้ปรับความเข้าใจกัน(กรณีที่เกลียดคิง) ความไม่ชอบก็จะลดลง ยกเว้นคนที่มีอคติ(ตัวหนา)ด้วย ต่อให้เปลี่ยนนิสัยแล้ว ก็ต้องใช้เวลาในการทำให้คิงกลับมายอมรับมากกว่าปกติ อาจจะเป็นปี หรือครึ่งปี
19. เสป็กในดวงใจ
- คนที่สดใสร่าเริง ที่สามารถทำให้โลกในสายตาคิงดูสดใสขึ้นมาได้
- มีความยืดหยุ่นสูง มีอคติต่อสิ่งต่าง ๆ น้อย
- ทำในสิ่งที่พูดได้ รักษาสัญญา
- อ้อนแบบน่ารัก ๆ ไม่มากจนเกินไป (เพราะคิงไม่อยากอ้อน และหากอ้อนมากเกินไปจะกลายเป็นรำคาญ)
- ห้ามขี้งอน (เพราะคิงไม่อยากง้อ หรืออาจจะปล่อยให้งอนไป 3-4วันแล้วค่อยง้อแบบกระด้าง)
- ไม่รักสวยรักงามจนเกินไป
- อายุมากกว่า หรือนิสัยเป็นผู้ใหญ่ มีเหตุผล
20. สัญชาติ : ไทย
เชื้อชาติ : ไทย (มีเชื้อจีน)
ภาษาที่พูดได้ :
- ไทย : พูด - ชัดถ้อยชัดคำ พูดเต็มเสียง / อ่าน+ฟัง - สามารถจับใจความได้ดี แต่ถ้าจะอ่านเพื่อจำ จะอ่านช้า และต้องใช้สมาธิสูง / เขียน - ลายมือไม่สวยนัก แต่ก็ไม่ถึงกับอ่านไม่ออก สามารถเขียนแยกประเด็นได้ดี ไม่ค่อยเก่งพรรณนา
- อังกฤษ สามารถสื่อสารกับคนต่างชาติได้อย่างไม่เป็นทางการ
ศาสนา : พุทธ นิกายเถรวาท แต่ไม่เคร่ง (ครอบครัวเชื่อเทพเจ้าต่างๆของจีน คิงไม่ค่อยเชื่อเพียงแต่ไหว้ตามธรรมเนียมปฏิบัติ)
21.ครอบครัว
อาศัยอยู่กับ [1]คุณพ่อ [2]คุณแม่บุญธรรม [3]น้องชายต่างมารดาชื่อ "พู่กัน"(เรียกชื่อ/แก-ฉัน) [4]อาม่า [5]สุนัขพันธุ์ทางสีขาวขนฟู หูตั้งหางตก ตัวขนาดกลางชื่อ "โต๊ะ" [6]พี่เลี้ยง,คนใช้ ชื่อ “แต๋ว” (พี่แต๋ว-ผม)
- คุณพ่อ
- เรียกว่า ป๋า-ผม
- เป็นทันตแพทย์เปิดคลินิกใกล้บ้าน ในที่ทำงานดูดีมีภูมิฐาน แต่เมื่ออยู่ในบ้านจะยอมอ่อนข้อให้กับแม่ เงียบ ๆ ไม่ค่อยเถียง ไม่ค่อยมีอิทธิพลภายในบ้าน มักจะอ่านหนังสือพิมพ์ยามเช้าเป็นประจำ และสนับสนุนให้ลูกอ่านหนังสือ
- ความสัมพันธ์ : พูดคุยกันได้ปกติแต่ไม่สนิทใจ เพราะคิงยังติดใจเรื่องที่พ่อเลือกแต่งงานกับแม่บุญธรรมแทนที่จะแต่งงานกับแม่ของตน ถึงแม้ว่าจะเข้าใจสาเหตุแล้วแต่ก็ยังทำใจยอมรับไม่ได้ และค่อนข้างเสียศรัทธาในตัวพ่อเนื่องจากเคยหวังไว้สูงก่อนจะมาเจอพ่อ ตัวคิงเองก็ไม่แน่ใจว่าตนรักหรือเกลียดพ่อกันแน่
- คุณแม่บุญธรรม
- เรียกว่า ม้า-ผม (คิงเก็บคำว่า "แม่" ไว้สำหรับเรียกแม่แท้ๆของตัวเองเท่านั้น)
- แต่เดิมทำงานเป็นพนักงานกินเงินเดือน แต่เมื่อแต่งงานกับคุณพ่อ ก็ลาออกจากงานมาช่วยที่เคาท์เตอร์ของคลินิก
ทำหน้าที่ดูแลบัญชีและต้อนรับลูกค้า เป็นผู้หญิงที่ให้ความรู้สึกว่าเก่ง มีหัวทันสมัย สามารถคิดและทำสิ่งต่าง ๆ ได้ด้วยตนเอง เป็นคนช่างสังเกตและละเอียดรอบคอบ
- ความสัมพันธ์ : พูดคุยกันได้ปกติ สนิทกับแม่บุญธรรมมากกว่าพ่อ เพราะแม่บุญธรรมค่อนข้างใจกว้าง ใจดีกับตน รับเลี้ยงตนโดยไม่มีอคติใดๆ แต่ก็ยังไม่สนิทใจเท่าใดนักเพราะรู้ตัวว่าตัวเองไม่ใช่ลูกแท้ๆ และยังเป็นลูกของคนรักอีกคนของพ่อ บางครั้งก็คิดไปเองว่าแม่บุญธรรมอาจจะไม่ชอบตนแต่แสร้งทำดีด้วย
- น้องชายต่างมารดา ชื่อ "พู่กัน"
- เรียกว่า กัน/ไอ้กัน!/แก - ฉัน
- เจอกันตอนอายุ 8 ขวบ เมื่อตอนที่คิงเข้ามาอยู่ในครอบครัวนี้ครั้งแรก พู่กันเป็นคนติดพี่ จึงมักจะเข้ามาเกาะแกะคิงจนน่ารำคาญ ถึงแม้จะปฏิบัติตัวแข็งกระด้างต่อน้องชายคนนี้แต่พู่กันก็เป็นคนที่คิงไว้ใจมากที่สุดเพราะเหตุการณ์ความเข้าใจผิดในบ้านที่ได้พู่กันช่วยไว้ เวลามีปัญหาที่แก้เองไม่ได้จริงๆคิงมักจะปรึกษาพู่กัน
- อาม่า(ย่า)
- เรียกว่า คุณ-ผม
- เป็นผู้ผลักดันให้พ่อแต่งงานกับแม่บุญธรรมซึ่งเป็นลูกของเพื่อนตน มักจะอยู่บ้านนั่งดูทีวีและฟังเพลงจีนทุกวันเหมือนคนสูงอายุปกติ เชื่อว่าการเรียนคือทุกสิ่งทุกอย่าง พยายามผลักดันให้พู่กันได้เรียนสูง ๆ และคาดหวังในผลการเรียนของพู่กัน ไม่ชอบคิงเพราะเป็นลูกนอกสมรสที่เกิดมาโดยไม่ถูกทำนองคลองธรรม ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงวงศ์ตระกูล มักจะเมินคิงบ่อย ๆ ปกติคิงจะหลีกเลี่ยงที่จะคุยกับอาม่า หากจำเป็นต้องกล่าวถึงในฐานะบุคคลที่สามจะใช้คำว่า เขา เพื่อแสดงถึงความห่างเหิน
- พี่เลี้ยง,คนใช้ ชื่อ “แต๋ว”
- เรียกว่า พี่แต๋ว-ผม
- เป็นสาวโคราชสุดแสนจะใจดี คอยดูแลบ้านและดูแลสองพี่น้อง(กัน,คิง)มาตั้งแต่เด็ก ปัจจุบันทำงานบ้านและดูแลอาม่าด้วย
- ความสัมพันธ์ : เคารพเหมือนพี่ ค่อนข้างสนิท เปิดใจให้มากกว่า พ่อ แม่บุญธรรม และอาม่า เนื่องจากเป็นคนเลี้ยงดูตนมาตั้งแต่ตอนที่ย้ายเข้ามา แต่ด้วยเวลางานและเวลาเรียนที่ไม่ค่อยตรงกันคิงกับพี่แต๋วจึงไม่ค่อยได้คุยกัน พี่แต๋วเป็นอีกคนที่คิงจะมาปรึกษาหากมีปัญหาที่แก้เองไม่ได้
22. อื่นๆ
- แม่แท้ๆของคิง
- เรียกว่า แม่-หนู/คิง
- เสียชีวิตตอนคิงอายุ 8 ขวบเพราะถูกฆ่าลักทรัพย์ (ปัจจุบัน
คิงยังไม่ทราบสาเหตุการตายของแม่เพราะถูกผู้ใหญ่ปิดไว้ตั้งแต่อายุ 8 ขวบ เนื่องจากเกรงว่าจะโหดร้ายไปสำหรับเด็ก)
- คิงเกิดมาโดยไม่มีพ่อ อาศัยอยู่กับแม่มาตลอดจนถึงอายุ 8 ขวบ แม่เป็นพยาบาลที่ขยัน และงานยุ่งอยู่เสมอ
- ในช่วงที่คิงเพิ่งเข้าประถม แม่กับคิงย้ายออกจากบ้านยายมาเช่าอพาร์ทเมนท์ใกล้ๆโรงพยาบาลที่แม่ทำงานอยู่ แม่ที่งานยุ่งอยู่เสมอ มักจะทำงานไม่เป็นเวลา กะเช้าบ้าง กะดึกบ้าง จึงมักปล่อยให้คิงอยู่คนเดียวบ่อยๆ (คืนไหนที่แม่ทำงานกะดึกจะวานคุณป้าเจ้าของอพาร์ทเมนท์มานอนเป็นเพื่อนคิง)
- แม่ในความทรงจำคิง เป็นคนใจดี ขยัน สวย ร่าเริง ยิ้มง่าย เข้มแข็ง รักสะอาด เจ้าระเบียบ
- แม่บอกคิงเสมอว่า คิงเกิดจากความรักของพ่อกับแม่อย่างแท้จริง เพราะฉะนั้นไม่ต้องน้อยใจที่ไม่มีพ่อ แต่แม่ไม่เคยเล่าเรื่องของพ่อให้ฟังเลย
- เรื่องของ พ่อ แม่ และ แม่บุญธรรม
- หลังเรียนจบใหม่ๆ แม่กับพ่อเป็นคนรักกัน แต่พ่อถูกจับคลุมถุงชนแต่งงานกับแม่บุญธรรม เมื่อแม่ทราบข่าวจึงเสียใจมากและหนีไปโดยไม่ได้บอกอะไรพ่อไว้เลย แต่หลังจากนั้นไม่นานก็พบว่าตัวเองตั้งท้อง คิงจึงเกิดมาโดยไม่มีพ่อ
- คิงเมื่อตอนก่อนอายุ 8 ขวบอาศัยอยู่กับแม่เพียงสองคน
หลังจากที่แม่เสียชีวิตก็ถูกพ่อรับไปเลี้ยงไปอยู่กับครอบครัวปัจจุบัน ซึ่งไม่ค่อยจะถูกกับอาม่าซักเท่าไหร่ และคิดว่าตัวเองเป็นส่วนเกินอยู่เสมอ
- คิงกับน้องชายต่างมารดามักตื่นสายและมาโรงเรียนสายอยู่เสมอ
- ห้องนอนใช้ร่วมกันกับน้องชายต่างมารดา คิงนอนชั้นบนของเตียงสองชั้น