Cubicschool Wiki
Register
Advertisement
ซายน์ - ทัศนัย โพสาวัง

SINE - Thatsanai Phosawang

[[
5504 - Sine

SINE

|250px]]

ชื่อ-นามสกุล

ทัศนัย โพสาวัง (Thatsanai Phosawang)

ชื่อเล่น

ซายน์ (Sine)

วันเกิด (อายุ นับถึงปี 2559)

15 มีนาคม พ.ศ.2540 (18 ปี)

เพศ (รสนิยมทางเพศ)

ชาย (ชอบผู้หญิง)

สถานะ

นักเรียนรุ่นที่ 5 (2555-2557)

แผนการเรียน

วิทย์-คณิต

ส่วนสูง-น้ำหนัก

ม.4 - 173 เซนติเมตร / 60 กิโลกรัม

ม.5 - 174 เซนติเมตร / 60 กิโลกรัม

ศาสนา

พุทธ

กรุ๊ปเลือด

n/a

ชมรม

ม.4 - วรรณกรรม

ม.5 - ดนตรีสากล

ซายน์ - ทัศนัย โพสาวัง

ข้อมูลทั่วไป

DB1

1. ชื่อจริง / นามสกุล / (ชื่อเล่น)

- ทัศนัย โพสาวัง (ซายน์) - Thatsanai Phosawang (Sine)

2. อายุ

- 16 ปี

3. วัน เดือน ปี เกิด

- 15 มีนาคม พ.ศ. 2540

4. เพศ / รสนิยมทางเพศ

- เพศชาย / ชอบผู้หญิง

5. ส่วนสูง-น้ำหนัก

- สูง 174 เซนติเมตร หนัก 60 กิโลกรัม

6. รูปพรรณสัณฐาน

- ผมสั้นสีดำ เห็นหน้าผาก

- ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเกือบดำ ตาสองชั้น

- ผิวเหลืองออกขาว ๆ หน่อย

- หุ่นสมส่วน ไม่ผอม ไม่อ้วน

- ชุดนักเรียนเมื่อเข้าโรงเรียนลูกบาศก์เป็นเครื่องแบบโรงเรียนถูกระเบียบ เสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาว เอาเสื้อเข้าข้างในกางเกงตามปกติ กางเกงขาสั้นสีเขียวยาวเหนือเข่าเล็กน้อย ถุงเท้าสีขาว รองเท้าผ้าใบสีดำ

รูปที่ใช้ในตอนสมัครโดย ผปค.

รูปโดย ผอ. โคค่อน

รูปอารมณ์ที่พบเห็นในปัจจุบัน (ม.5) โดย ผปค.

7. ลักษณะนิสัยและพฤติกรรมต่างๆของตัวละคร

คีย์เวิร์ด >> นิ่ง เก็บความรู้สึกเก่ง / ชอบบ่นด่าในใจ / คิดก่อนทำ/ มีเหตุมีผลกับการพูดและการกระทำ / หูไวตาไว ช่าง สังเกต

นิ่ง เก็บความรู้สึกเก่ง

:: พยายามทำตัวเองไม่ให้ตกเป็นเป้าสายตาของใครด้วยการไม่เผยความรู้สึกทั้งทางสีหน้าหรือคำพูดให้ใครรู้โดยไม่จำเป็น ไม่ว่าจะดีใจหรือเสียใจหรืออารมณ์ไม่ดีต่อหน้าคนอื่นก็จะเป็นสีหน้าปกติ แต่ความคิดความรู้สึกในหัวจะไปก่อนการแสดงออกภายนอก เช่น สอบได้คะแนนเต็มก็ดีใจ แต่ว่าจะไม่แสดงออกให้ใครเห็นเลยดูเป็นคนนิ่ง ๆ ไป

:: มีรอยยิ้มเล็ก ๆ บ้างในเวลาที่รู้สึกผ่อนคลาย ได้เจอได้ทำสิ่งที่ชอบ หรือไม่ได้มีเรื่องทุกข์ร้อนใจอะไร เช่น ตอนเล่นกับลูกแมวหรือตอนนั่งทำงานอยู่ในห้องเงียบ ๆ เป็นต้น

:: แม้ว่าภายนอกจะเป็นคนที่ดูนิ่ง ๆ แต่ก็ให้ความรู้สึกว่าเป็นคนที่เข้าหาง่าย เพราะปกติก็ไม่ได้บึ้งตึงอะไรและก็ไม่ได้ปิดกั้นตัวเองจากคน แปลกหน้า เข้ามาคุยก็คุยด้วย แต่ถ้าวันใดวันหนึ่งเจ้าตัวเริ่มรำคาญใครก็จะพยายามตีตัวออกห่างคนนั้นเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า

:: จะพูดและเผยความรู้สึกตัวเองก็ต่อเมื่ออยู่กับเพื่อนสนิทและไว้วางใจได้เท่านั้น

:: ปัจจุบัน ม.5 แล้ว อาการเก็บความรู้สึกไม่พอใจเริ่มเก็บไม่ค่อยอยู่ (เพราะนั่งใกล้กับเพื่อนที่ทำให้เครียดบ่อย ๆ) เวลาเห็นอะไรไม่พอใจเลยอาจจะขมวดคิ้วหรือพูดขัดบ้าง  (ถึงยังไงโดยรวมไม่ค่อยต่างจาก ม.4 เท่าไหร่)

ชอบบ่นด่าในใจ

:: เวลาเจออะไรที่ไม่ชอบ เช่น เจอยุงกัด เจอสุนัขเห่าใส่ คนตะโกนคุยกันเสียงดัง ก็จะมีเสียงบ่นอยู่ในสมองอยู่เป็นพัก ๆ มีคำสบถและคำประชดประชันใน หัวซึ่งหากคนทั่วไปได้ยินอาจต้องชะงักได้ เพราะเป็นสิ่งที่เจ้าตัวไม่เคยแสดงออกมาหากไม่อารมณ์เสียถึงขีดสุดจริง ๆ

ตัวอย่างเช่น เจอยุงกัดไปสองจุดก็จะเริ่มคิดว่า "ทำไมพวกนี้มันไม่สูญพันธุ์ไปให้ซะหมดนะ โคตรน่ารำคาญ"

หรือในกรณีที่คนพูดกันเสียงดังก็อาจจะคิดว่า "อยู่ใกล้แค่นี้จะตะโกนข้ามหัวกันให้ได้อะไร แค่ช่วยเสียสละพลังงานซักหน่อยเดินไปกระซิบข้างหูกันโลกนี้จะน่าอยู่ขึ้นเยอะเลยล่ะ" เป็น ต้น

:: แต่ถ้าหากเจออะไรที่ไม่ชอบจนอารมณ์เสียจนถึงขีดสุด เช่น โดนแกล้ง โดนล้อ จนความเครียดสะสมมากก็อาจจะทนเก็บความคิดไว้ในหัวไม่ไหวแล้วพูดออกมา และสีหน้าที่ไม่ค่อยได้เห็นก็จะได้เห็นในจุดนี้ (แต่กรณีนี้จะเกิดขึ้นน้อยถ้าไม่ตื๊อจริง ๆ เพราะเจ้าตัวความอดทนสูงพอสมควร)

ตัวอย่างเช่น หากเพื่อนทำตัววุ่นวายหรือชอบมาเหน็บแนมเป็นประจำแทบทั้งชั่วโมง ก็จะทำตาขวางแล้วพูดว่า "หนวกหูว่ะ อยู่เงียบ ๆ สักสิบนาทีมันจะเป็นอะไรมั้ย" ออกไปเสียงดังฟังได้ชัดเจน (ไม่ได้ตะโกนหรือทำเสียงกระโชกโฮกฮาก แต่ก็สัมผัสได้ว่าโกรธอยู่)

:: แต่ถ้าได้โกรธแล้วเจ้าตัวไม่ได้หายโกรธยากแต่อย่างใด บางทีผ่านไปวันสองวันก็ไม่คิด อะไรแล้ว หรือถ้าปรับความเข้าใจได้ก็อาจจะคืนดีในวันนั้นเลย

:: ในกรณีที่อยู่คนเดียวหรือไม่มีคนอยู่ใกล้ ๆ ตัว บางครั้งก็จะพูดความคิดในหัวของเจ้าตัวออกมาเป็นเชิงบ่นกับตัวเองได้(แต่ไม่มาก)

ตัวอย่างเช่น เพื่อนกำลังเตะบอลกันอยู่ในสนาม ส่วนตัวเองก็กำลังก้มหน้าก้มตาทำงานกลุ่มคน เดียวอยู่ที่โต๊ะหินอ่อนใกล้ ๆ กัน ก็อาจจะเงยหน้าขึ้นไปดูเพื่อนกลุ่มนั้นแล้วพูดประชดว่า "สนุกกันจังเล้ย" จากนั้นก็ก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเองต่อไป คิดก่อนทำ

:: คิดก่อนทำเสมอ ก่อนจะทำอะไรกับใครมักจะจำลองสถานการณ์หลังทำไว้ในหัวแทบทุกครั้ง ถ้าคิดว่าทำแล้วจะได้ผลลัพธ์ที่ไม่ดีก็จะไม่ทำ และบ่อยครั้งที่ยอมให้ตัวเองตกในที่นั่งลำบากโดยไม่ขอความช่วยเหลือคนอื่น เพราะคิด ว่าผลลัพธ์จะแย่กว่าเดิม

ตัวอย่างสถานการณ์

ขณะสอบปลายภาค

ซายน์ : (คิดในใจ) ซวยแล้วไง ลืมเอายางลบมา แล้วกราฟข้อนี้จะลบยังไงล่ะ ไม่มีพื้นที่เหลือให้เขียนใหม่ด้วย

ทันใดนั้นก็เหลือบไปเห็นยางลบก้อนโตในโต๊ะเพื่อน A ที่กำลังตั้งใจทำข้อสอบอยู่โต๊ะข้าง ๆ ที่ห่างออกไปครึ่งเมตร และจากนั้นก็หันไปหน้าห้องพบว่าครูกำลังจ้องเขาอยู่อย่างไม่ละสายตา

ซายน์ : (คิดในใจ) ถ้ายืมยางลบมันเดี๋ยวครูต้องหาว่าโกงชัวร์ แล้วเขาก็นั่งทำข้อสอบอยู่ถ้าสมาธิกระเจิงตูก็ผิดอีก

ซายน์ : (คิดในใจ) ช่างเหอะ แค่ห้าคะแนนเอง...


มีเหตุมีผลกับการพูดและการกระทำ

:: ชอบที่จะพูดคุยด้วยเหตุและผลมากกว่าความรู้สึก เช่น ถ้ามีคนบอกว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไว้ในตัวแล้วจะปลอดภัยหรือร่ำรวยก็จะไม่เชื่อง่าย ๆ หากคนที่พูดนั้นไม่อธิบายเหตุผลให้ฟังว่าเพราะอะไรถึงเป็นอย่างนั้น

:: ยึดเหตุผลเป็นหลักในการพูดแสดงความคิดเห็น แต่ก็จะพยายามพูดโดยรักษาน้ำใจอีกฝ่ายไว้เสมอ เช่น มีเพื่อนหญิงใส่ชุดใหม่มาให้ดูแล้วมันไม่เข้ากับคนใส่เอาเสียเลย เขาก็จะบอกว่าหุ่นแบบนี้ถ้าเปลี่ยนได้ก็ไปใส่ชุดอื่นน่าจะดี กว่าเพราะสีมันจัดไปแล้วคนจะมองในภาพลักษณ์ที่ไม่ดีเอาได้ ไม่ได้บอกแค่ "ไม่สวย อย่าใส่เลย"

:: ไม่สนใจกระแสสังคม สนใจแต่สิ่งที่ตนเองทำแล้วคิดว่าเหมาะสมแล้วเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมทางการเรียน รสนิยมการฟังเพลง งานอดิเรก ข้าวของเครื่องใช้ หรือแม้กระทั่งด้านความคิด หากอธิบายให้เจ้าตัวฟังด้วยเหตุผล ไม่ได้ว่าทำไมต้องตามกระแสหรือตามแนวคิดคนอื่นเจ้าตัวก็จะไม่สนใจ

ตัวอย่างสถานการณ์

เพื่อน B : นี่ ๆ C กับ D ชวนไป Z (ชื่อร้านหนังสือ) จะไปป่าว

ซายน์ : ทำไมต้องไปล่ะ มีอะไรน่าสนใจเหรอ

เพื่อน B : ก็ไม่มีอะไรหรอก ไปยืนอ่านเฉย ๆ

ซายน์ : งั้นก็ไม่มีเหตุจำเป็นต้องไปสินะ หนังสือที่นั่นก็อ่านมาจนทั่วแล้วนี่นา ยังมีอะไรให้อ่านอีกเหรอ

เพื่อน B : อา นั่นสินะ..

หูไวตาไว ช่างสังเกต

:: เป็นคนช่างสังเกต จนบางครั้งจะดูเหมือนชอบจับผิด เวลาทำงานส่งครูหากมีคำที่เขียนผิดหรือลบแล้วลืมเขียนก็จะหาเจอได้อย่างง่ายดาย รวมทั้งข้อผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของคนอื่นด้วย หากจำเป็นก็จะทักท้วงให้แก้ หรืองาน ศิลปะอย่างการวาดรูปก็จะเก็บรายละเอียดยิบย่อยได้เยอะ หรือวันนี้เพื่อนข้าง ๆ เปลี่ยนปากกาไปใช้ยี่ห้อใหม่ก็จะรับรู้ได้ทันที

:: อ่านความรู้สึกคนเก่งในระดับหนึ่ง โดยรับรู้ผ่านทางสีหน้า คำพูด การกระทำ หรืออะไรก็ตามที่สังเกตได้จากอีกฝ่าย :: ข่าวสารบ้านเมืองมีอะไรเกิดขึ้นเจ้าตัวจะตามทันหมดเนื่องจากชอบไล่อ่านเอาตามอินเทอร์เน็ต

พฤติกรรมอื่น ๆ โดยทั่วไป

:: ปกติเป็นคนที่พูดไม่เยอะ แต่ก็ไม่ได้อายที่จะพูด แค่ไม่อยากพูดเท่านั้น ถ้าให้พูดรายงานหน้าชั้นเรียนก็ทำได้เป็นปกติเนื่องจากมีความคิดไหลวนอยู่ในหัวสมองตลอดเวลา เวลาพูดก็จะพูดได้ตรงประเด็นและพยายามไม่พูดให้เสียหาย (ถ้าได้พูดก็พูดตรง แต่ก็ถนอมน้ำใจคนฟังไปด้วยนั่นเอง)

:: ชอบ "ความสงบ" มากกว่า "เสียงดังเจี๊ยวจ๊าว" มาก ๆ :: ไม่เล่นมุกตลก (เพราะเจ้าตัวคิดว่าไม่ใช่เรื่องที่จำเป็นหรือสำคัญ) แต่ก็ไม่ได้รังเกียจอะไรเวลามีคนมาเล่นด้วย

:: สุภาพกับคนแปลกหน้า และสุภาพกับคนที่สุภาพ นอกจากนั้นจะปฏิบัติตัวตามปกติ

8. การใช้คำพูด

:: พ่อแม่

> เรียกตัวเองว่า "ซายน์" เรียกพ่อว่า "พ่อ" เรียกแม่ว่า "แม่" มีหางเสียงเวลาพูดเสมอ ส่วนพ่อแม่เรียกซายน์ว่า "ซายน์"

> น้องซายน์เรียกซายน์ว่า "พี่ซายน์" ส่วนซายน์เรียกน้องด้วยชื่อเล่น "แทน"

:: เพื่อนสนิท

> ไม่มีสรรพนามการเรียกตัวเองที่แน่นอน จะใช้วนอยู่ 3 คำ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ คือคำว่า "เรา" "ข้า" "กู" และจะเรียกเพื่อนด้วย "ชื่อเล่น" "แก" "มึง" 3 คำเช่นเดียวกัน (อย่างไรก็ตาม กู มึง จะใช้น้อยมากและหลีกเลี่ยงที่จะใช้ เพราะเจ้าตัวคิดว่ามันเป็นคำที่กระด้างเกินไป แต่ก็ใช้ได้หากอีกฝ่ายไม่คิดอะไรมาก เว้นแต่เป็นผู้หญิงจะไม่ใช้เด็ดขาด)

:: เพื่อนทั่วไป

> เรียกตัวเองว่าเรา เรียกเพื่อนด้วย "ชื่อเล่น" "นาย(ผู้ชาย)" "เธอ(ผู้หญิง)" หรือ "แก(ทั้งชายทั้งหญิง)"

:: รุ่นน้องทุกคน

> เรียกตัวเองว่า "พี่" เรียกรุ่นน้องว่า "น้อง" หากรู้ชื่อเล่นบางทีก็จะเรียกชื่อเล่นแทน ไม่มีหางเสียงเวลาพูด

:: รุ่นพี่ทุกคน

> เรียกตัวเองว่า "ผม" เรียกรุ่นพี่ว่า "พี่" ในกรณีที่รู้ชื่อบางทีก็จะเรียกชื่อตามหลัง เช่น "พี่ A" ถ้าพึ่งเจอกันก็จะเรียกชื่อจริง แต่หากสนิทกันมากขึ้นหรืออีกฝ่ายให้ เรียกชื่อเล่นก็จะเรียกชื่อเล่น มีหางเสียงเวลาพูด

:: ครูและผู้ใหญ่คนอื่น ๆ

> เรียกแทนตัวเองว่าผม เรียกอีกฝ่ายด้วยชื่อจริงโดยมีคำบอกฐานะนำหน้า เช่น "ครู A" "ลุง B" "ป้า C" เป็นต้น จะไม่มีการเรียกด้วยชื่อเล่น (ยกเว้นจะไม่รู้ชื่อจริง) มีหางเสียงเวลาพูดทุกครั้ง

9. สิ่งที่ชอบ

:: ชอบดื่มน้ำอัดลม - โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โค้ก หากมีโอกาสได้ซื้อก็จะซื้อมาดื่ม

:: ชอบแมว - ถ้าเห็นเมื่อไหร่ต้องไปเล่นด้วยทุกครั้ง และจะชอบมากเป็นพิเศษหากเป็นลูกแมว แต่ว่าเนื่องจากพ่อของเจ้าตัวไม่ชอบพวกสัตว์จึงเลี้ยงแมวไว้ที่บ้านไม่ได้ แต่ตอนนี้เลี้ยงลูกแมวดำอยู่ตัวนึงที่หลังโรงเรียน ชื่อ "ส้ม" (ดูได้ที่ [MS] ส้ม) :: ชอบเล่นอินเทอร์เน็ต - ส่วนใหญ่จะใช้เวลาไปกับการเล่นเว็บบอร์ด บางครั้งก็หาวิดีโอดูตามเว็บเพื่อคลายเครียด

:: ชอบฟังเพลง - โดยเฉพาะเพลงคลาสสิกที่ใช้เปียโนเล่น (เคยเรียนเปียโนตั้งแต่ ป.1 จนถึงขึ้น ม.1 จากนั้นก็ไม่ได้แตะอีกเลย) ส่วนเพลงอื่น ๆ ที่ชอบจะ เป็นเพลงในปัจจุบันตามที่ฟังได้ทั่วไป(ไม่เกี่ยงภาษา) แต่น้อยนักที่จะชอบเพลงไหนขึ้นมาได้เพราะส่วนใหญ่จะไม่เข้าหู

10. สิ่งที่เกลียด,กลัว

:: เกลียด

- คนอวดเก่ง

:: ประเภทที่ว่าตั้งใจพูดส่วนดี ๆ ของตัวเองโดยที่ไม่ได้ถาม เช่น อวดร่ำอวดรวย เจ้าตัวจะรู้สึกไม่ชอบ และเป็นคนประเภทที่ไม่อยากอยู่ด้วยนาน ๆ โดยปกติจึงจะปฏิบัติตัวโดยไม่พูดด้วยและเดินหนีไป (ถ้าหนีได้) เพราะคิดว่าเป็นทางแก้ปัญหาโดยสงบที่ดีที่สุดแล้ว

- ผู้ใหญ่ที่ไม่มีความเป็นผู้ใหญ่

:: ขาดความสุขุม ทำตัวไม่น่าเคารพ วางอำนาจหรืออะไรเทือกนี้ การปฏิบัติตัวจะต่างกันเล็กน้อยกับคนรุ่นเดียวกันหรือต่ำกว่าคือ เมื่อเจ้าตัวเจอก็จะพยายามทำตัวตามปกติ (เนื่องจากเป็นผู้ใหญ่) ถามมาก็ตอบไป เก็บความไม่ชอบไว้ในใจ แล้วเดินหนี - สุนัข (เพราะมันเห่าได้ กัดได้)

:: เมื่อเจอจะมีการระวังตัวเองเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า เวลาเดินผ่านก็จะเดินผ่านไปตามปกติเพื่อไม่ให้มันตื่นตัวแล้วเห่าหรือวิ่งไล่ หากมีอะไรที่หยิบจับเป็นอาวุธได้ เช่น ร่ม ก็จะถือกันเอาไว้

- ยุง มด

:: เวลาเจอกัดจะรู้สึกรำคาญ และเป็นคนที่เห็นมดเห็นยุงเป็นต้องตบ / บี้ทุกเมื่อ (ไม่เช่นนั้นจะอยู่อย่างไม่สงบ)

- แดดแรง ๆ อากาศร้อน ๆ จนทำให้เหงื่อออก

:: เพราะว่าจะทำให้เหงือออกเนื้อตัวเหนียว แต่ก็ไม่ได้มีพฤติกรรมใด ๆ ต่อสภาพอากาศนี้เป็นพิเศษนอกจากบ่นในใจเล็กน้อย

:: กลัว

- แมลง

:: กลัวแมลงทุกชนิดที่มีขนาดใหญ่กว่า 2 เซนติเมตร เมื่อเจอแล้วจะพยายามหนีออกห่าง แต่ถ้าหากถึงเนื้อถึงตัวตัวแล้วสมองจะสั่งให้ร่างกายสะบัดทิ้งอย่างรวดเร็ว อาจมีคำอุทานอย่างคำว่า "เหวอ" หรืออะไรทำนองนี้หลุดออกมา ได้

- ความสูง

:: กลัวความสูง อยู่ในที่สูง ๆ เมื่อมองไปข้างล่างแล้วจะเกิดอาการแขนขาหมดเรี่ยวแรง ปกติจึงพยายามเบือนหน้าหนีไม่มองลงไป

11. งานอดิเรก

- เล่นอินเทอร์เน็ต

:: เล่นอินเทอร์เน็ตเป็นกิจวัตร (แต่หากวันไหนไม่ได้เล่นก็ไม่เป็นอะไร แต่โดยปกติจะเล่นทุกวัน) ที่เจ้าตัวชอบเข้าบ่อย ๆ ส่วนมากจะเป็นเว็บบอร์ด เนื้อหาที่ก็เป็นเรื่อง ทั่วไป ข่าวสารบ้านเมือง เรื่องเล่า ความรู้อะไรต่าง ๆ นานา นอกจากการอ่านเว็บบอร์ดก็จะหาเพลงฟังหรือหาวิดีโอดู อ่านบล็อก โหลดเกมเล่นบ้างแก้เบื่อ

- ฟังเพลง

:: โดยปกติจะฟังอยู่บ้านโดยเปิดจากคอมพิวเตอร์ แต่ที่พิเศษคือขณะฟังจะไม่มีการทำกิจกรรมอื่นอย่าง เช่นเปิดหนังสืออ่านหรือเล่นเกมไปด้วย จะมีสมาธิอยู่กับการฟังเพลงอย่างเดียว และเจ้าตัวจะไม่เสียบหูฟังไปฟังเพลงนอกบ้านเพราะไม่ชอบใส่หูฟังและทำให้ไม่มีสมาธิกับการปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ ด้วย - เล่นเปียโน

:: หากเจ้าตัวเจอเพลงอะไรที่อยากจะเล่นก็จะหาโน้ตมาเล่น แน่นอนว่าเป็นเพลงคลาสสิก (เนื่องจากเจ้าตัวคิดว่ามันมีความท้าทายและมีลีลามากกว่าเพลงยุคสมัย ปัจจุบัน) แต่ว่าเวลาเริ่มเล่นเพลงอะไรก็ไม่ได้จริงจังเท่าไหร่ เล่นบ้างหยุดบ้างเพราะไม่ได้เล่นให้ใครฟังอยู่แล้วนอกจากตัวเอง (อยู่บ้านไม่มีใครฟังเพลงแนวคลาสสิกเลย)

12. สายการเรียน

- วิทย์-คณิต 13. วิชาที่ชอบ / ไม่ชอบ

วิชาที่ชอบ

- วิทยาศาสตร์ (ทั้ง 3 สาขา) : เพราะเจ้าตัวคิดว่าวิทยาศาสตร์เป็นศาสตร์ของเหตุและผลที่จะทำให้ความคิดคนเราพัฒนาขึ้นได้ (รักในกระบวนการของวิชานี้ แต่ก็ไม่ได้เก่งอะไร)

- ดนตรี : ชอบฟังเพลงอยู่แล้วและเล่นดนตรีเป็น อ่านโน้ตออก ทำให้รู้สึกดีเวลาได้เรียนวิชานี้เพราะไม่ต้องกังวลอะไร

วิชาที่ไม่ชอบ

- พลศึกษา : เนื่องจากครูแทบไม่สอนอะไรเลยแล้วสอบจึงไม่ชอบ

- ภาษาไทย : เนื่องจากครูที่เคยสอนระเบียบจัดและชอบขู่ เป็นลักษณะที่เจ้าตัวไม่ชอบ

14. วิชาที่ถนัด / ไม่ถนัด

วิชาที่ถนัด

- ดนตรี : เพราะเคยเรียนเปียโนมาแล้ว

- ภาษาอังกฤษ : ชีวิตผูกพันกับภาษาอังกฤษเยอะ เช่น อินเทอร์เน็ต รายการทีวีอะไรต่าง ๆ ซึมซับอะไรหลาย ๆ อย่างมาทำให้คะแนนดีกว่าวิชาอื่นพอสมควร

วิชาที่ไม่ถนัด

- คณิตศาสตร์ : เพราะจะเก่งได้ต้องอาศัยการทำโจทย์ แต่เจ้าตัวไม่ชอบการทำโจทย์คำนวณหรือแบบฝึกหัดใด ๆ เวลาเรียนจึงเรียนเอาแค่สอบผ่านเท่านั้น

สำหรับวิชาฟิสิกส์นั้น แม้เจ้าตัวไม่ชอบคำนวณเลยอาจส่งผลทำให้ไม่เก่งฟิสิกส์ส่วนที่เป็นคำนวณเยอะ ๆ ไปด้วย แต่ว่าด้วยความที่ชอบวิทย์เป็นทุนเดิมทำให้ตั้งใจเรียน กว่าคณิต และเนื้อหาฟิสิกส์ใน ม.ต้นนั้นยังไม่ได้ใช้ทักษะคณิตศาสตร์ที่ลงลึกไปมากเท่าไหร่ (ยกเว้นโจทย์ปัญหาที่ยากจริง ๆ) คะแนนสอบจึงทำได้ดีกว่า จึงไม่ได้ลงไว้ว่าไม่ถนัดฟิสิกส์ครับ

15. คะแนนวิชาต่างๆในตอน ม.4

คณิตศาสตร์ 4 (ไม่ถนัด แต่ก็ไม่เคยสอบตก และถ้าทำงานส่งครบก็ได้ 4)

ฟิสิกส์ 3.5

เคมี 3.5

ชีววิทยา 4

ภาษาไทย 2.5 (ไม่ถึงกับไม่ถนัด แต่ไม่ชอบครูที่สอนและไม่ทำงานส่งให้ครบเลยได้เท่านี้ครับ)

ภาษาอังกฤษ 4

สังคมศึกษา 3.5

สุขศึกษาและพลศึกษา 3.5

ศิลปะ 4

 [ม.4 รอการตัดเกรดทุกวิชา]

16. ความสามารถพิเศษในการเรียน

:: ด้านดนตรีจะไปได้เร็วกว่าวิชาอื่น ๆ เนื่องจากเรียนเปียโนมาก่อนแล้ว

ระดับความสามารถ - ซายน์ไม่เคยสอบเกรด (เจ้าตัวคิดว่ายังไม่จำเป็น และค่าสอบนั้นค่อนข้างแพงเลยยังไม่ได้สอบ) แต่ถ้าให้เทียบ ความสามารถจะอยู่ที่ประมาณเกรด 8 ของ Royal (ครูสอนมาดี และมีพรแสวงทำให้ความสามารถสูงพอสมควร)

- sight reading ก็เชี่ยวชาญในระดับหนึ่ง ยกเว้นเพลงที่ซับซ้อนมาก ๆ ที่ตอนเล่นความเร็วอาจจะตกลงไปบ้าง

- ซายน์ไม่มี perfect pitch (อ้างอิงนิยามจาก http://en.wikipedia.org/wiki/Absolute_pitch#Definition ซึ่งเกินความสามารถซายน์ไปพอสมควร) แต่ก็ไม่ได้ เป็นอุปสรรคต่อการแกะเพลงแต่อย่างใด สามารถทำได้คล่องเหมือนนักดนตรีทั่วไปหากเจ้าตัวคิดจะทำ

:: ด้านภาษาอังกฤษ

- มีการออกเสียงภาษาอังกฤษ (pronunciation) ที่ถูกต้อง เช่น รู้ว่าเสียง z หรือ th ออกเสียงยังไง ส่วนสำเนียงในการพูดจะเป็นธรรมชาติเหมือนเจ้าของภาษา (เนื่องจากดูรายการหรือวิดีโอภาษาอังกฤษบ่อย จึงหัดพูดตาม) แต่ในการพูดกับคนไทยหรือพูดในชีวิตประจำวันปกติที่มีภาษาอังกฤษเข้ามาเกี่ยวด้วยก็จะพูดสำเนียงไทยและการออกเสียงแบบไทย ๆ เหมือนคนทั่วไป

- ส่วนทักษะด้านอื่น ๆ เช่นการฟังอ่านเขียน จัดว่าอยู่ในเกณฑ์ดีทั้งหมด ฟังรู้เรื่อง อ่านจับใจความ และ สามารถเขียนให้คนอ่านเข้าใจได้ 17. ลักษณะคนที่จะเป็นเพื่อนได้

:: เข้ามาหาครั้งแรกด้วยท่าทางที่เป็นมิตร

:: ไม่สร้างความเดือดร้อนให้

:: รู้จักกาลเทศะ

:: พูดได้สาระ

18. ลักษณะคนที่ไม่ถูกชะตา

:: คนไม่มีเหตุไม่มีผล

:: ชอบวางอำนาจเหนือคนอื่น

:: บ้าระห่ำ

:: อวดเก่ง

หากเจอคนเหล่านี้จะเกิดอาการไม่พอใจ จะเงียบและไม่พูดด้วย หากเดินหนีได้ก็จะเดินหนี แต่ว่าถ้าเป็นผู้ที่อาวุโสกว่าจะเก็บความรู้สึกไม่ชอบไว้และปฏิบัติตัวตามปกติ ไม่ได้ไม่พูดด้วย เพราะเป็นผู้ใหญ่จึงหืออะไรมากไม่ได้ แต่ก็จะพยายามตีตัวออกห่างเช่นเดียวกัน

19. เสป็กในดวงใจ

:: โดยทั่วไปซายน์ไม่อยากจะเป็นแฟนหรืออะไรกับใครอยู่แล้วเพราะไม่คิดว่าจะทำให้ใครมีความสุขได้ แต่ถ้าจะมีจริง ๆ ก็จะเป็นคนที่ยอมรับและเข้าใจในนิสัยของเจ้าตัว และหน้าตาไม่ขี้ริ้วขี้เหร่มากก็โอเคแล้ว

20. สัญชาติ, เชื้อชาติ, ภาษาที่พูดได้ และศาสนา

สัญชาติ : ไทย

เชื้อชาติ : ไทย

ภาษาที่พูดได้ : ไทย

: อังกฤษ(ไม่คล่องแบบจะพูดอะไรที่คิดก็ได้ แต่ก็เพียงพอที่จะสื่อสารกับฝรั่งให้เข้าใจได้)

ศาสนา : พุทธ (ตามครอบครัว)

21. ครอบครัว

ครอบครัว

- ปัจจุบันสมาชิกในครอบครัวซายน์มี 4 คน คือ พ่อ แม่ ซายน์และน้องซายน์

- ซายน์มีน้องชาย 1 คน ชื่อ "แทน" ปัจจุบันเรียน ม.2

- ซายน์เป็นเด็กติดแม่ ในตอนเด็กแม่ไปไหนก็จะพาซายน์ไปด้วยเสมอ ทำให้สนิทและพูดคุยกับแม่มากกว่าพ่อ

- ในครอบครัวซายน์อยู่กันอย่างเป็นสุข ไม่มีปัญหาอะไร (จะมีก็แค่รำคาญน้องที่ค่อนข้างดื้อแค่นั้น)

22. อื่น ๆ

เกี่ยวกับซายน์

- เริ่มเรียนเปียโนเมื่อ ป.1 โดยมีแม่เป็นคนส่งไปเรียน เนื่องจากช่วงประถมอยู่บ้านไม่มีอะไรทำจึงได้แต่ซ้อมเปียโน ทั้งวัน ทำให้ฝีมือก้าวไปเร็วกว่าปกติ ส่วนครูสอนเปียโนของซายน์เป็นคนที่มีฝีมือสูง แต่ว่าเมื่อตอนซายน์ขึ้น ม.1 ได้ไม่นานครูคนนี้ก็เสียชีวิตไปเพราะโรคหัวใจ นั่นทำให้เจ้าตัวจำเป็นที่จะต้องเลิกเรียนเปียโน - จนถึงปัจจุบันเจ้าตัวก็ยังเล่นเปียโนอยู่ เพราะคิดว่าเป็นทักษะเดียวที่ตนเองทำได้ดีกว่าคนอื่น (แต่ก็ไม่ได้เล่นให้ใครฟังอยู่ดีนอกจากคนที่บ้าน) เพลงสุดท้ายที่เล่นได้คือ Appassionata sonata 3rd movement ของ Beethoven  ปัจจุบันเริ่มหันไปเล่นเพลงป๊อปบ้าง(เห็นเพื่อนเล่นแล้วอยากเล่นดู) แต่ก็ยังไม่ทิ้งคลาสสิกอยู่ดี - เปียโนที่ใช้ซ้อมเป็น digital piano ของ Yamaha รุ่น P155 เนื่องจากเปียโนจริงราคาค่อนข้างสูงและเสียงจะรบกวนข้างบ้านด้วย

- อาการกลัวความสูงนั้นเกิดขึ้นโดยไม่มีสาเหตุ อาการกลัวแมลงก็เช่นกัน รู้ตัวอีกทีก็โดนแกล้งแล้ว ตอนประถมมักถูกเพื่อนหยิบแมลงทับเอามาวางใส่ตัวใส่แขนเพราะรู้ว่ากลัว แต่ยิ่งรู้ว่ากลัวยิ่งแกล้ง

- ชื่อเล่นของซายน์และน้องซายน์มีที่มาจากฟังก์ชันตรีโกณมิติครับ ก็คือ sine กับ tangent นั่นเอง แต่ถ้าหากจะเขียนเป็นภาษาไทย ถ้าเขียนว่า "ไซน์" อาจจะเข้าใจได้ง่ายกว่าก็จริง แต่เนื่องจากต้องการให้ออกเสียงยาว หาก เขียนแบบนั้นไปอาจอ่านเป็น "ไซ" ได้ ก็เลยต้องเขียนเป็น "ซายน์" ครับ

เนื้อเรื่องที่เกี่ยวข้อง

สอบสัมภาษณ์

Advertisement