มะปราง - ปิยะนันท์ อยู่เย็น
MAPRANG - Piyanan Yuyen | |
---|---|
ชื่อ-นามสกุล |
ปิยะนันท์ อยู่เย็น (Piyanan Yuyen) |
ชื่อเล่น |
มะปราง (Maprang) |
วันเกิด (อายุ นับถึงปี 2559) |
18 กันยายน พ.ศ.2540 (18 ปี) |
เพศ (รสนิยมทางเพศ) |
หญิง (ชอบผู้ชาย) |
สถานะ |
นักเรียนรุ่นที่ 6 (2556-2558) |
แผนการเรียน |
วิทย์-คณิต |
ส่วนสูง-น้ำหนัก |
163 เซนติเมตร / 56 กิโลกรัม |
ศาสนา |
คริสต์ (โปแตสแตนท์) |
กรุ๊ปเลือด |
n/a |
ชมรม |
ดนตรีสากล |
มะปราง - ปิยะนันท์ อยู่เย็น
ข้อมูลทั่วไป
DB1
1. ชื่อจริง / นามสกุล / (ชื่อเล่น)
ปิยนันท์ อยู่เย็น (มะปราง) {ปิ-ยะ-นัน อยู่-เย็น}
Piyanan Yuyen (Maprang)
2. อายุ (นับตามอายุในวันที่ 1 พฤษภาคม 2556)
- 15ปี
3. วัน เดือน ปี เกิด
- 18 กันยายน 2540
4. เพศ (ชาย / หญิง) รสนิยมทางเพศ
- เพศหญิง
- รสนิยม ชอบผู้ชาย
หมายเหตุ - บางครั้งมะปรางก็ไม่แน่ใจเพราะเธอมาจากโรงเรียนสตรี และ "เคย" มีความรู้สึกชอบผู้หญิงโดยที่ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะชอบจริงๆหรือสภาพแวดล้อม พาไป แต่โดยส่วนตัวคิดว่าน่าจะเป็นเพราะสภาพแวดล้อมในโรงเรียนเลยไม่สนใจและหาก เกิดความรู้สึก "ชอบ" ผู้หญิง เธอก็จะคิดเสียว่าคงเพราะผู้หญิงคนนั้นมีส่วนที่ตรงสเป็กเธอเฉยๆเลยรู้สึกดี ด้วย
5. ความสูง (ใช้หน่วย ซม. ไม่มีทศนิยม) น้ำหนัก
- 163ซม. 56กก.
6. รูปพรรณสัณฐาน (ภาพวาดหรือบรรยายก็ได้)
*ชุดมะปรางตอนสอบสัมภาษณ์*
ต้นแบบ
*มะปรางในชุดนักเรียนโรงเรียนลูกบาศก์*
- ตาชั้นเดียวสีน้ำตาล หางตาชี้แบบชาวจีน(แต่ตาไม่ตี่มาก)
- ผมบ๊อบสีน้ำตาลโดยธรรมชาติ ซอยปลายเล็กน้อย หน้าม้าปัดไปทางซ้าย (บางครั้งก็จะติดกิ๊บเสยหน้าม้าขึ้นไป)
- หน้าผากกว้าง
- ผิวอมชมพูออกคล้ำแดดนิดๆ(ผิวจริงขาวมาก)
- น้ำหนักเยอะเพราะเป็นคนโครงใหญ่
- นิ้วค่อนข้างยาวเพราะเล่นดนตรี(เปียโน)
- ยิ้มสวย
- ดั้งไม่ค่อยมี และคิ้วเข้ม
7. ลักษณะนิสัยและพฤติกรรมต่างๆของตัวละคร
Keyword : เรียบร้อย // ยื้มง่าย // อ่อนไหวง่าย // คิดมาก // ช่างฝัน // มีน้ำใจ // ซุ่มซ่าม
+ เรียบร้อย
- เป็นคนเรียบร้อย ไม่มีประวัติด่างพร้อยเรื่องระเบียบวินัย ปฏิบัติตามกฎระเบียบโรงเรียนทุกอย่าง และไม่กล้าทำผิดกฎระเบียบ ถึงแม้จะมีบางครั้งที่อยากลองทำผิดระเบียบ แต่ก็ยังไม่เคยกล้าทำจริงๆ
- ถูกเพื่อนชักจูงง่าย แต่ก็มีสำนึกผิดชอบชั่วดี ถ้าเห็นว่าเป็นสิ่งที่ไม่ดี ก็จะบอกปฏิเสธไม่คล้อยตามไป เช่น เสพย์ยา มั่วอบายมุข โดดเรียน
- เป็นเด็กสาวที่ร่าเริง พูดจาสุภาพและมักมีหางเสียงเสมอ ที่สำคัญคือเธอจะไม่ค่อยใช้คำหยาบ กับเพื่อนสนิทก็แทบไม่ใช้ กิริยามารยาทจะค่อนข้างเรียบร้อยสมเป็นผู้หญิง ถ้าอยู่กับผู้ใหญ่จะสำรวมมาก แต่ถ้าอยู่กับเพื่อนจะทำตัวสบายๆ
- ความจริงเป็นสาววายอยู่ลึกๆ ติดนิสัยจากเพื่อนโรงเรียนเก่า เวลาเห็น"มิตรภาพอันแน่นแฟ้นของผู้ชาย" บางทีก็จินตนาการเลยเถิดไปนิด ซึ่งข้อนี้เป็นจุดขัดแย้งในเรื่องความเรียบร้อยของมะปรางเพียงจุดเดียวเท่านั้น
หมายเหตุ - สาววาย หมายถึงผู้หญิงที่ชื่นชอบการจินตนาการความสัมพันธ์ระหว่างชายหนุ่มในเชิงชู้สาว โดยวายนี้มาจากคำว่ายาโอย (Yaoi)
+ ยิ้มง่าย
- มะปรางเป็นคนยิ้มง่าย เวลาคุยบางทีก็จะยิ้มเหมือนอารมณ์ดี บางทีก็ทำเพื่อปิดความรู้สึกจริงๆข้างใน (ซึ่งส่วนใหญ่ที่จะปกปิดคือ เรื่องความเครียด หรือความโกรธหรือความไม่รู้สึกสบายใจ)
- เวลาที่เธอยิ้มจะเป็นเวลาที่เธอพูดคุยกับคนอื่นหรือเดินผ่านคนรู้จัก ถ้าไม่ได้ต้องการจะทักเธอจะใช้วิธียิ้มให้ หรือเวลานั่งเหม่อถึงอะไรที่เธอชอบ แต่ปกติถ้าอยู่คนเดียวเธอก็จะทำหน้าปกติ หากมีความเครียดรวมอยู่ด้วยก็จะมีการนวดขมับดังที่จะกล่าวในหัวข้อ "คิดมาก"
- สาเหตุที่เธอชอบยิ้มมีสองปัจจัยหลักๆ อย่างแรกคือมีหลายคนบอกว่าเธอยิ้มสวย ก็เลยยิ้มเยอะๆ เพราะคิดว่าทำแล้วตัวเองจะได้ดูน่ารักและดูอารมณ์ดีไม่เครียดให้คนอื่นไม่สบายใจ ส่วนอีกปัจจัยคือ เธอคิดว่า ถ้าเธอยิ้มจะสามารถทำให้เธอลืมเรื่องแย่ๆที่เธอ(คิดว่า)ทำผิดพลาดไปได้ด้วย
+ อ่อนไหวง่าย
- เป็นพวกอารมณ์อ่อนไหวง่าย ยุแหย่แซวนิดๆหน่อยๆก็เขิน เช่น "มะปรางเนี่ย น่ารักจังน้า.." "กินแบบนั้นระวังอ้วนนะ" "เธอเนี่ยยิ้มสวยจังน้า อยากได้เป็นแฟนจัง" ก็จะเขินจนหน้าแดง เริ่มพูดผิดๆถูกๆ ถ้าทำให้เขินมากกว่านี้โดยการยิ่งรุก ยิ่งแหย่เธอ เสียงจะเริ่มสั่นและหน้าแดงไปเรื่อยๆจนถึงหู แต่เธอยังไม่เคยเขินจนร้องไห้
- ภูมิคุ้มกันผู้ชายต่ำมาก เพราะอยู่โรงเรียนสตรีตั้งแต่อนุบาลจนถึงมัธยมต้น ทำให้เธอเจอผู้ชายในวัยเดียวกันหรือใกล้เคียงน้อยมาก มะปรางจึงไม่ชอบให้ผู้ชายเข้ามาแตะเนื้อต้องตัว รวมทั้งใจดีเอาใจใส่มากๆ เพราะถ้าทำแล้วเธอจะทำตัวไม่ถูก และจบลงที่ "เขิน"
- ถ้าเกิดเจอผู้ชายที่ตรงสเป็กเข้ามาคุยด้วยก็จะเขินขึ้นมาเองโดยไม่ต้องมีปัจจัยใดๆเข้ามาช่วย
- แถมยังเป็นพวกเขินรุนแรง คือ พอเขินมากๆก็จะชอบตีแขนตีหลังคนที่พูดด้วยหรือนั่งข้างๆ (โชคดีของคนโดนตีว่ามะปรางไม่ใช่พวกมือหนัก)
+ คิดมาก
- คิดมากเกือบทุกเรื่อง และถ้าทำไปแล้วผลออกมาเป็นลบก็จะเครียด เช่น เวลาพูดเสนอความคิดเห็นแล้วอีกฝ่ายแสดงสีหน้าไม่พอใจมากตัวเองมากๆ หรือกระแทกเสียงใส่ เห็นคนนินทาตัวเอง หรือถ้าอยู่ในระหว่างทำงาน ซ้อมงาน หรือวางแผน แล้วมีคนแสดงอาการไม่พอใจต่อวิธีการของเธอ
- ชอบคิดไปเอง เก็บไปคิดต่อ และบางครั้งก็ทำให้เธอเครียด จิตตก เช่น การใช้หัวคิดมากเกินไป สิ่งที่ตั้งใจทำแล้วออกมาแย่
- จะไม่แสดงออกมาทางสีหน้าตลอดเวลา เพราะกลัวคนอื่นเป็นกังวล ถ้าเครียดจะมีแค่ขมวดคิ้วแล้วนวดขมับสามถึงสี่ทีแล้วกลับมาทำสีหน้าปกติ
- วิธีระบายความเครียดของมะปรางคือ เวลาที่เธอได้เจอ ได้เล่นสิ่งที่เธอชอบ การได้พูดคุยกับเพื่อนจนลืมเรื่องแย่ๆไป การทำจิตอาสาและการบำเพ็ญประโยชน์
- แต่ถ้าเครียดมากๆ ซึ่งเกิดขึ้นโดยเจอการกดดันจากงานใหญ่ๆที่มีปัญหาขัดแย้งกันระหว่างคนในกลุ่มเข้ามาพร้อมกันหลายงาน ระบายความเครียดไม่ทัน เธอจะหาที่เงียบๆอยู่คนเดียวแล้วร้องไห้เงียบๆ สักพักก็จะดีขึ้น แต่ในกรณีนี้จะหายากมาก
- สิ่งที่เธอจะไม่เกิดความเครียดทั้งจากการกระทำของเธอเอง การร่วมกิจกรรมกับผู้อื่น คือการได้ช่วยเหลือผู้อื่น การทำสิ่งที่เธอชอบจริงๆ และเธอมั่นใจจริงๆว่ามันถูกต้อง เช่น การเล่นเปียโนที่เธอและผู้ฝึกสอนมั่นใจว่าดีแต่ผู้ฟังบางท่านมาบอกว่าไม่ชอบ ไม่ดี เธอจะแค่เอาเก็บไปคิดเฉยๆ แต่จะไม่ถึงกับเก็บเป็นความเครียด หรือการทำจิตอาสาด้านธรรมชาติอย่างปลูกป่า ถ้ามีคนมาว่าว่าเธอทำแบบนี้ผิด เธอจะแค่กังวลนิดหน่อย แต่พอผ่านไปแล้ว เธอก็จะไม่เก็บเอาไปเครียดต่อ
+ ช่างฝัน
- ชอบวาดฝันจินตนาการเรื่องในชีวิตประจำวัน ว่าอยากให้เป็นแบบนั้นแบบนี้
- ชอบเหม่อ บางทีก็นั่งนึกอะไรเรื่อยเปื่อยจนไม่ทันรู้สึกถึงสภาพแวดล้อมรอบตัวว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
- พอหลุดจากภวังค์แล้วเห็นว่าที่ตัวเองทำมันทำให้อะไรก็ตามเป็นไปในแง่ลบ เธอก็จะเครียด
- เวลาทำงานเธอก็ไม่ได้เพ้อเหม่ออะไร แต่เวลาที่เธอจะชอบเหม่อคือช่วงที่ทำงานมากๆจนเบลอ รึเวลาฟังเพลงอยู่คนเดียว
- ยกตัวอย่างว่า มะปรางเว้นว่างจากการอ่านหนังสือ ก็จะนั่งฟังเพลงแล้วคิดอะไรเรื่อยเปื่อย แม่มาเรียกก็ไม่รู้สึกตัวต้องให้ตะโกนหรือแตะไหล่ พอรู้สึกตัวว่าเกิดอะไรขึ้นก็จะรู้สึกผิดและขอโทษคุณแม่
+ มีน้ำใจ
- เพื่อนวานให้ช่วยอะไรก็จะช่วย ยกเว้นว่า ไม่อยากทำจริงๆหรือทำไม่ได้ก็จะบอกปัดอย่างสุภาพ
- สิ่งที่เธอสามารถช่วยได้และเต็มใจจะช่วยนั้น จะมีเรื่องการทำงานห้อง เช่น ช่วยวางแผน ออกความคิดเห็น การจัดตกแต่งห้อง ทำความสะอาด เป็นต้น การช่วยงานเอกสาร เช่น ให้เช็คเอกสาร คัดลอก พิมพ์งาน ช่วยงานครูเกือบทุกเรื่อง ยกเว้นถ้าเป็นเรื่องให้ไปพูดนำเสนอนอกห้องเรียนหรือเป็นตัวแทนอะไรก็ตาม เธอจะอ้ำๆอึ้งๆในช่วงแรก แต่ถ้าครูแสดงท่าทางว่าอยากให้เป็นเธอก็จะยอม
- ส่วนเรื่องที่เธอมักจะบอกปัดเพราะกลัวทำไม่ได้คือ การช่วยงานเดี่ยวที่ต้องใช้ฝีมือ เช่น การเย็บปักถักร้อยในวิชางานบ้าน(เพราะต้องทำเดี่ยวส่งอยู่แล้ว) การทำงานที่ต้องใช้ศิลปะ(ด้านการวาดการระบายสี)มาผสม เช่น แผนผังความคิด งานที่ครูให้ระบายสีตกแต่ง และอีกเรื่องคือการสอนหนังสือ เพราะเธอเป็นคนที่อธิบายเรื่องต่างๆยาวๆแล้วคนอื่นไม่ค่อยไม่เข้าใจ ก็เลยตัดปัญหาด้วยการไม่ช่วยซะ แต่ถ้าโดนคะยั้นคะยอมากๆก็จะยอมช่วย ซึ่งผลที่ออกมานั้น ขึ้นอยู่กับว่าผู้ฟังสามารถจับใจความได้แค่ไหน(มะปรางจะชอบพูดวนไปวนมา บางทีก็ลืมเรื่องนั้น เรื่องนี้ แล้วก็เอามาพูดย้อนไปย้อนมา เช่น กำลังเล่าเรื่องย่อของหนังเรื่องไททานิก เธอเล่าว่าพระเอกได้ชวนนางเอกคุย สักพักก็นึกได้ว่าลืมเล่าว่านางเอกมากับใครอย่างไร ก็เล่าย้อนไป แล้วก็กลับมาที่เดิม เป็นแบบนี้อยู่บ่อยๆ)
- นอกจากใจดีช่วยเหลือเพื่อนเท่าที่ทำได้แล้วยังชอบทำจิตอาสาด้วย โดยเฉพาะจิตอาสาที่เกี่ยวข้องกับธรรมชาติและเด็กที่ไม่ใช่เด็กอ่อน เช่น การสร้างฝาย (การสร้างฝายนี้หมายถึงเป็นค่ายจิตอาสาที่ให้เด็กนักเรียนร่วม แรงร่วมใจสร้างฝายโดยมีผู้ใหญ่คอยดูแลอย่างใกล้ชิด) บริจาคเสื้อกันหนาวให้เด็กดอย ปลูกป่า เธอจะชอบเป็นพิเศษเพราะคิดว่ามันสนุกดี แถมยังคลายเครียดอีกด้วย
- อีกทั้งเธอยังปฏิเสธใครไม่ค่อยเก่ง ถึงจะปฏิเสธไปอย่างสุภาพแล้ว แต่ถ้าโดนตื๊อมากๆ บางทีเธอก็ยอมอ่อนใจยอมช่วยเหมือนกัน เพราะลึกๆแล้วเธอก็กลัวเพื่อนจะโกรธเธอเกลียดเธอถ้าเธอปฎิเสธ
+ ซุ่มซ่าม
- เป็นพวกไม่ชอบระวังตัว แถมยังชอบเหม่อ เลยชอบเดินชนนู่นนั่นนี่ บางทีก็ไม่ระวัง ทำของหัก ของตกแตก แล้วก็เอาไปคิดมากอีก
8. การใช้คำพูด (กับบุคคลทั่วไป อาจารย์ บุคลากรพิเศษ รุ่นพี่ รุ่นน้อง ระบุสรรพนามที่ใช้แทนตัวเอง ใช้เรียกอีกฝ่ายหนึ่ง ระดับความสุภาพ ตัวอย่างการพูดในแต่ละสถานการณ์)
+ กับบุคคลทั่วไป
1)กรณีรุ่นเดียวกัน ใช้แทนตัวเองว่าฉัน แทนผู้อื่นว่าคุณ, เธอ(กับผู้หญิงรุ่นเดียวกัน), ชื่อเล่นของคนคนนั้น ในระดับที่เริ่มสนิทกัน ใช้แทนตัวเองว่า มะปราง แทนผู้อื่น ว่านาย(กับผู้ชายรุ่นเดียวกัน), เธอ(กับผู้หญิงรุ่นเดียวกัน), ชื่อเล่นคนคนนั้น ถ้าสนิทมากๆจะแทนตัวเองว่า เค้า, มะปราง ใช้แทนผู้อื่นด้วยชื่อเล่นตลอด(นานๆทีจะหลุดไอ้มาบ้างแต่น้อยมาก) ถ้ายังไม่สนิทจะมีจ๊ะจ๋าต่อท้าย ถ้าสนิทจะห้วนๆไม่มีหางเสียง
ตัวอย่าง
- แนะนำตัวหน้าชั้น "ฉันชื่อมะปราง ชื่อจริงว่าปิยนันท์ อยู่เย็น ยินดีที่ได้รู้จักนะจ๊ะ"
- มีคนมาทักทาย "สวัสดีจ้ะ ฉันชื่อมะปราง ยินดีที่ได้รู้จักนะจ๊ะ" พูดจบเธอก็ยิ้ม
- เวลาโดนเพื่อนผู้ชายแซว "นี่ นาย พูดให้มันดีๆหน่อยนะ" มะปรางขมวดคิ้วเท้าเอวมองออกโกรธนิดๆ
2)กรณีเป็นผู้ใหญ่หรือต่างรุ่น ใช้แทนตัวเองว่าหนู ถ้ารู้จักกันจะใช้มะปราง ถ้าคนที่พูดด้วยอายุน้อยกว่าจะใช้พี่ การใช้สรรพนามเรียกผู้อื่นกรณีที่เป็นผู้ใหญ่ เรียกคนคนนั้นว่าคุณ... (เช่นคุณอา คุณน้า คุณลุง คุณป้า คุณตา คุณยาย พิจารณาตามรูปร่างและอายุที่เห็น ถ้าดูแล้วอายุไม่น่าต่างกันมาก จะใช้พี่ ใช้น้องถ้าดูแล้วอายุน้อยกว่า) จะมีพูดคะขาตลอด ในกรณีที่เป็นคนอายุน้อยกว่าจะใช้จ๊ะจ๋า ถ้าสนิทแล้ว กรณีผู้ใหญ่จะคะขาไม่ทุกประโยค กับพี่หรือน้องจะเรียกห้วนๆ มีจ๊ะจ๋าบ้าง
ตัวอย่าง
- มีคนแปลกหน้าเข้ามาถามว่าเรียนที่ร.ร.ล.บ.ใช่ไหม พาไปหาผอ.ได้รึเปล่า "ค่ะ หนูเรียนอยู่ที่นี่ คุณอาต้องเดินไป....(บอกทางเดินไป ถ้าเขาไม่เข้าใจก็จะพาไปส่งถึงที่)"
- ซื้อน้ำที่โรงอาหาร "พี่คะ เอาน้ำลำไยแก้วนึง"
- เจอน้องที่เป็นหลานครั้งแรก แล้วเข้าไปคุย "น้องชื่ออะไรจ๊ะ?"
+ กับอาจารย์ แทนตัวเองว่า หนู ตลอด เรียกอาจารย์ว่าอาจารย์(สำหรับอาจารย์ต่างรร. หรือไม่ได้สอนตัวเอง), ครู(กับครูทั่วๆไปที่ไม่ใช่ในกรณีแรก) และมีคะขาทุกครั้ง
*แต่จริงๆการใช้คำว่าครู ของมะปรางจะไม่แน่นอน บางทีครูที่สอนแต่ไม่สนิทก็จะเรียกอาจารย์เหมือนกัน แต่ถ้าเป็นครูที่สนิทจะเรียกครู ตามด้วยชื่ออย่างเดียว
ตัวอย่าง
- ครูเรียกพบ "อาจารย์เรียกหนูมาพบมีอะไรหรือคะ?"
- ครูชื่นชมว่าทำงานดี "ขอบคุณมากค่ะ" มะปรางกล่าว สีหน้าเขินอายนิดๆ
- ครูตักเตือนการกระทำ "ขอโทษค่ะ หนูจะไม่ทำแบบนั้นอีกค่ะครู" เธอพูดด้วยเสียงสำนึกผิด
หมายเหตุ - หากจำเป็นต้องเรียกครูด้วยชื่อจริงตลอด เช่น เรียนถามคุณครูท่านอื่นว่า ครู... อยู่ไหม มะปรางจะถามโดยใช้ชื่อจริง เวลาคุยกับครูถ้าต้องเรียกชื่อก็จะใช้ชื่อจริง แต่หากเป็นครูที่สนิทกันมากๆ เวลาคุยเป็นการส่วนตัว จะใช้ชื่อเล่น
+ กับบุคลากรพิเศษ แทนตัวเองว่าหนู แทนคนคนนั้นด้วยคำว่า ท่าน คุณ(ตามด้วยชื่อ) หรืออาจารย์(ถ้าคนนั้นเป็นครู) และมาหางเสียงคะขาตลอด
ตัวอย่าง
- ครูให้มาเชิญวิทยากรไปพบ "คุณ...คะ ขออนุญาตเรียนเชิญไปพบอาจารย์..ด้วยค่ะ"
+ กับรุ่นพี่ ใช่แทนตัวเองว่าหนู แต่ถ้าสนิทกันจะใช้มะปราง แทนรุ่นพี่ว่า รุ่นพี่ หรือรุ่นพี่ตามด้วยชื่อ ถ้าสนิทจะใช่ว่าพี่เฉยๆ หรือพี่ตามด้วยชื่อ ถ้าไม่สนิทจะมีหางเสียง แต่ถ้าสนิทจะห้วนๆมีคะขาบ้างเล็กน้อย
ตัวอย่าง
- รุ่นพี่เรียกให้ไปหา(สนิทกัน) "พี่...เรียกมะปรางมามีอะไรหรอ?"
- รุ่นพี่ที่ไม่สนิทมาสารภาพรัก "อะ..เอ่อ..รุ่นพี่ พูดจริงหรอคะ?" หน้าของเธอแดงระเรื่อ
- รุ่นพี่ผู้ชายที่เริ่มสนิทแกล้งยีหัว "ง่า พี่..อย่าแกล้งซี่ มะปรางหัวยุ่งเลยเห็นมั้ย" มะปรางพองแก้มใส่
+ กับรุ่นน้อง ใช้แทนตัวเองว่าพี่ตลอด ถ้ารุ่นน้องธรรมดาเรียกน้องตามด้วยชื่อ ถ้าสนิทจะเรียกชื่อเฉยๆ บางครั้งจะมีจ๊ะจ๋าบ้างต่อท้ายประโยค
ตัวอย่าง
- รุ่นน้องเดินชนและขอโทษ "ไม่เป็นไรจ้ะ พี่เองก็ไม่ระวังเหมือนกัน"
- รุ่นน้องขอให้ช่วยสอนการบ้าน "เอ่อ..พี่คงช่วยไม่ได้น่ะจ้ะ เพราะพี่อธิบายไม่ค่อยรู้เรื่อง ขอโทษนะ" เธอยิ้มเจื่อน
- เลี้ยงน้ำรุ่นน้องที่สนิท "มาเดี๋ยวพี่เลี้ยงน้ำ...เอง อยากดื่มอะไรล่ะ?"
9. สิ่งที่ชอบ (และปฏิกิริยาที่แสดงออก)
- ของน่ารักๆ(เช่นตุ๊กตา ลวดลายอะไรสักอย่าง เสื้อผ้า สัตว์) จะแอบกรี๊ดกร๊าดในใจ ถ้าเป็นตุ๊กตาจะเข้าไปกอด ไปหยิบ จับ สัมผัส เสื้อผ้าต้องเข้าไปเอามาลองทาบๆกับตัวเอง สัตว์นี่ถ้าจับได้จะเข้าไปเล่นด้วย ถ้าไม่ได้จะมองดูอยู่ห่างๆตามด้วยท่าทางที่แสดงออกถึงความเสียดาย
- ของหวาน ชอบเผลอตัวกินไม่หยุดทุกที แล้วก็มานั่งเครียดกับน้ำหนักที่ชักจะเพิ่มขึ้นทุกที
- ธรรมชาติ ชอบท่องเที่ยวตามธรรมชาติ อะไรที่เสี่ยงตายหน่อยก็จะชอบลองทำดู และจะภูมิใจมากถ้าสิ่งที่ทำมันสำเร็จ ถ้าไม่ก็จะเครียด
- อะไรสักอย่างที่ทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นด้วยความชอบมากๆ จะแอบกรี๊ดอยู่ในใจ ถ้ามีพวกเดียวกันจะเข้าไปพูดคุยอย่างออกรส เช่น เจอผู้ชายสองคนอยู่ด้วยกันด้วยท่าทางที่สนิทสนมกันก็จะทำให้เธอจินตนาการไปใน"เชิงชู้สาว"แล้วก็วี้ดว้ายอยู่ไกลๆ
10. สิ่งที่เกลียด,กลัว (และปฏิกิริยาที่แสดงออก)
+ สิ่งที่กลัว
- สัตว์เลื้อยคลานจำพวกจิ้งจกตุ๊กแก และสัตว์เลื้อยคลานพวกกบ คางคก อึ่งอ่าง เธอตะถอยหนีแล้วทำเสียงยี้ ไม่ก็ร้องวี้ดว้าย พูดง่ายๆคือสัตว์ที่ผู้หญิงทั่วๆไปกลัวกัน ยกเว้นแมลงสาบ อันนี้แค่ไม่ชอบ
- ผี หนังผี อะไรก็ได้ที่เกี่ยวกับผี ชอบฟัง แต่จะเก็บเอาไปหวาดกลัวอยู่คนเดียวต่อ แล้วก็จะเอาไปละเมอกลัวนู่นนั่นนี่ไปพักใหญ่
+ สิ่งที่เกลียด
- อะไรที่มันมากเกินไป เช่น เพื่อนบ้าอะไรสักอย่างมากเกินไป เรื่องที่มันส่อ ลามกจนเกินไป การแกล้งที่ชักจะมากเกินไป ตามตื๊อมากเกินไป(การตามตื๊อนี้คือเป็นการตามตื๊อจากคนที่ไม่สนิท ไม่รู้จัก และเรื่องที่ตามตื๊อไม่ใช่ช่วยทำงาน สอนหนังสือ)เป็นต้น จะเริ่มเฉยชาใส่แล้วถอยห่างออกมาถ้าเห็นปฏิกิริยาแบบนั้น แต่ถ้าเกิดว่าความ "มากเกินไป" นั้นมันยังไม่มากนักเช่นแค่ว่า กรี๊ดกร๊าดอยู่สักพัก อย่างมากสุดก็สักสองชั่วโมงแล้วหยุด เธอจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น หรือเรื่องลามกที่ยังอยู่ในระดับที่พอทนได้(ประมาณ เรท15+) เธอก็จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นได้อยู่ แต่ถ้ามากกว่านี้ก็จะเป็นดั่งกรณีขั้นต้นที่ได้กล่าวไป
- พวกทำตัวน่ารำคาญ ถ้าทำแบบนั้นใส่ จะทำเหมือนอารมณ์เสียใส่นิดหน่อยโดยการขมวดคิ้วพูดน้ำเสียงออกไม่พอใจเล็กน้อย แต่จะไม่ตวาดใส่หรือพูดจิกกัด
- งานซ้ำๆน่าเบื่อ พอทำมากๆหลังๆก็จะเริ่มออกมาชุ่ย
11. งานอดิเรก
- เล่นเปียโน มักจะเล่นที่บ้านเกือบทุกวัน(วันที่งานหรือการบ้านเยอะจะไม่เล่น) และถ้าวันไหนที่คุณพ่อมารับช้าบางทีก็จะขอใช้เปียโนที่โรงเรียนซ้อมเพลงไปพลางๆ ปกติมักจะชอบเล่นคนเดียว แต่ถ้ามีใครมาฟังก็ไม่เป็นไรเพราะถือเป็นการฝึกการแสดงออกไปในตัว
- ร้องเพลง เพราะชอบร้องเพลง เสียงก็เลยดีขึ้นเรื่อยๆ จน "เกือบ" สามารถร้องเพื่อการแสดงได้ มักจะร้องเวลาฟังเพลงซะส่วนใหญ่ ไม่ก็เวลาอาบน้ำ
- ฟังเพลง เพราะส่วนนี้ทำให้ส่งผลไปถึงการร้องเพลงที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ฟังบ่อยมาก โดยเฉพาะเพลงป๊อบที่มีความหมายดีๆ ทำนองเพราะๆ รองลงมาก็จะเป็นพวกคลาสสิกบรรเลงด้วยเปียโน ถ้าอยู่บ้านเธอจะเปิดลำโพง(จะฟังจากคอมพ์หรืออะไรที่สามารถเปิดฟังได้โดยไม่ต้องเสียบหูฟัง) แต่ถ้าอยู่นอกบ้านเธอจะเสียบสายหูฟัง เวลาที่เธอไม่ฟังเพลงเลย คือเวลาเรียน ทานข้าว และเวลาคุยอยู่กับเพื่อน
- อ่านการ์ตูน(โดยเฉพาะการ์ตูนญี่ปุ่น) นิยาย แต่ไม่ชอบอ่านหนังสือเรียน
- บางทีก็ไปเดินตลาดดูเสื้อผ้ารองเท้าสวยๆตามแบบนิสัยเด็กผู้หญิง
12. สายการเรียน
- วิทย์-คณิต สาเหตุก็เพราะ ความฝันยังล่องลอย ไม่รู้จบไปจะทำอะไรเลยเลือกอันนี้ไว้ก่อน
13. วิชาที่ชอบ / ไม่ชอบ (พร้อมเหตุผลในแต่ละอัน)
+ วิชาที่ชอบ
- ศิลปะ(ดนตรีสากล) เพราะชอบดนตรีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว โดยเฉพาะภาคปฏิบัติ
- วิทยาศาสตร์ เพราะเป็นวิชาที่เรียนแล้วรู้เรื่อง(ยกเว้นภาคคำนวณ) เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้มาเรียนแผนวิทย์-คณิต
+ วิชาที่ไม่ชอบ
- คณิตศาสตร์ เพราะไม่ชอบการคำนวณ แต่ไม่ได้เรียนแย่
- พละ ไม่ชอบเพราะมันเหนื่อยและต้องพยายามแบบไม่มีแรงจูงใจใดๆนอกจากเกรด
- สังคม เพราะมีความหลังว่าอ.สอนไม่รู้เรื่องเลยไม่ชอบเรียนมาตั้งแต่นั้น
- วิชาภาษาทุกภาษา เพราะมะปรางรู้สึกว่ามันเข้าใจยาก
14. วิชาที่ถนัด / ไม่ถนัด (พร้อมเหตุผลในแต่ละอัน)
+ วิชาที่ถนัด
- วิทยาศาสตร์ (พวกที่ไม่ใช่ภาคคำนวณ) อย่างที่กล่าวไปในขั้นต้นว่าเพราะเรียนแล้วเข้าใจเลยทำได้
- ศิลปะ(ดนตรีสากล) มีพื้นฐานอยู่แล้วจากที่เคยเรียนพิเศษดนตรี และชอบเล่นดนตรีเลยทำให้เรียนเก่งที่สุดจากทุกวิชา
- การงานอาชีพและเทคโนโลยี ทำงานเย็บปักถักร้อยใช้ได้ แต่ก็ไม่ได้ชอบนัก ส่วนคอมพ์ก็ทำตามที่เขาสอนได้ เลยไม่มีปัญหาอะไร ออกจะสนุกนิดๆด้วย
+ วิชาที่ไม่ถนัด
-พลศึกษา เพราะเล่นกีฬาไม่เก่ง มีดีแค่ว่ายน้ำเป็นเฉยๆ
- วิชาภาษาทุกภาษา เพราะว่าเธอไม่ค่อยเข้าใจเวลาเรียน ทำให้เธอไม่ชอบและไม่พยายามจะขยันเรียนสักเท่าไหร่
*สังเกตว่ามะปรางจะขยันเรียนในวิชาที่ชอบ และวิชาไหนที่เธอไม่ชอบหรือเรียนไม่รู้เรื่องมาตั้งแต่สมัยก่อน เธอจะไม่ค่อยมีความพยายามในการเรียนนัก เอาแค่ผ่านในระดับดีเป็นพอ
15. คะแนนวิชาต่างๆในตอน ม.3
- คณิตศาสตร์พื้นฐาน เกรด 4
- คณิตศาสตร์เพิ่มเติม เกรด 3.5
- ภาษาไทย เกรด 4
- สังคมศึกษา เกรด 3.5
- ประวัติศาสตร์ เกรด 4
- การงานอาชีพและเทคโนโลยี เกรด 4
- ภาษาต่างประเทศ เกรด 3
- ศิลปะ เกรด 4
- สุขศึกษาและพลศึกษา เกรด 3.5 (โดนพละฉุด..)
หมายเหตุ - สาเหตุที่มะปรางได้ภาษาไทยเกรด 4 เพราะเนื่องจากมะปรางไม่ชอบการเรียนภาษา เลยเลือกที่จะมีความพยายามในการเรียนมากกว่าความพยายามในการสอบให้ดี ที่ได้เกรด 4 นั้น ถ้าดูไปในคะแนนเต็ม 100 เธอจะได้คะแนนอยู่ที่ 80 เพียงเพราะผ่านเกณฑ์ได้เกรด 4 เท่านั้น และที่เธอพยายามเรียนในวิชานี้เป็นเพราะเธอรู้สึกแย่ถ้าเธอเป็นคนไทยแต่กลับได้คะแนนภาษาไทยน้อย
วิชาเพิ่ม
- ฟิสิกส์ เกรด 3.5
- เคมี เกรด 3.5
- ชีววิทยา เกรด 4
16. ความสามารถพิเศษในการเรียน
- เล่นเปียโน มีคนเคยเสนอให้เธอไปสอบเกรดเปียโนของ Trinity อยู่ เธอเลยไปสอบดู ตอนนี้เธออยู่ที่เกรด4 ถือว่ามีฝีมือ จุดด้อยของเธอคือประสาทหูเทียบกับคนในระดับเดียวกันนั้นยังถือว่าด้อยกว่า แต่ไม่มากนัก เพลงที่ชอบเล่นนั้นส่วนใหญ่เธอจะชอบเล่นพวกเพลงป๊อบที่เธอชอบฟังมากกว่า(ซึ่งถ้าเป็นเพลงป๊อบเธอมักจะเล่นแบบร้องไปเล่นไป) รองลงมาคือพวกเพลงคลาสสิก และเคยมีประสบการณ์เล่นวงอยู่ แต่แค่ไม่กี่ครั้ง
- งานฝีมือสำหรับจัดแสดงของโรงเรียน (บางทีครูก็วานให้ช่วย) ส่วน ใหญ่จะเป็นพวกจัดพาน จัดกระทง และการเย็บปัก เพราะงานค่อนข้างประณีต แต่จะไม่ค่อยพลิกแพลง ส่วนใหญ่งานที่ทำจะเป็นไปตามรูปแบบของงานเดิมๆมากกว่า เช่น การจัดพาน ก็จะดูแบบ แล้วทำตาม แต่งานจะออกมาประณีต สวย
- เคยเป็นเด็กมารยาท(หมายถึงเด็กที่เป็นตัวแทนร.ร.ไปประกวดมารยาท) เพราะฉะนั้นกิริยามารยาทจะสวย ถูกตามหลัก
17.ลักษณะคนที่จะเป็นเพื่อนได้
- ความจริงเป็นเพื่อนได้กับคนเกือบทุกประเภท ยกเว้นพวกฉุนเฉียว อารมณ์เสียบ่อย เพราะจะไม่ค่อยสบายใจเวลาคบหาสมาคมด้วย
18. ลักษณะคนที่ไม่ถูกชะตา
- พวกน่ารำคาญ และโอ้อวดจนน่าเกลียด ถ้าเจอคนแบบนี้ เธอจะพยายามอยู่ออกห่าง ถ้าเข้ามาทักจะตอบน้อยและพยายามเลี่ยงออกมา แต่จะไม่ทำหน้าไม่พอใจหรือลำบากใจต่อหน้า
- แต่มะปรางสามารถคบกับคนที่ "มากเกินไป" เป็นเพื่อนได้ เพียงแต่อาจจะไม่สนิทแและเลือกที่จะหลีกเลี่ยงโดยวิธีเดียวกับคนที่ไม่ถูกชะตาเมื่อเธอเจอสถานการณ์ที่จะพบความ "มากเกินไป"
19. เสป็กในดวงใจ (ซึ่งไม่จำเป็นต้องเพศตรงข้ามนะ แล้วแต่รสนิยม)
- คนที่มีความมั่นใจในตัวเองพอสมควร
- อบอุ่น
- ชอบคนที่อายุมากกว่าหน่อยๆ
- มีอารมณ์ขันบ้าง ถ้าจริงจังเกินไปก็ไม่ไหว
*เท่าที่เจ้าตัวเองรู้ก็ประมาณนี้*
20. สัญชาติ, เชื้อชาติ, ภาษาที่พูดได้ (ความชัดเจนของการใช้ภาษาในทักษะฟังพูดอ่านเขียน) และศาสนา
- สัญชาติไทย
- เชื้อชาติไทย
- ภาษาที่พูดได้มี ไทย อังกฤษ(พอสมควรแต่แกรมม่าจะไม่ค่อยถูก เอาแค่พอสื่อสารกับผู้อื่นรู้เรื่องเท่านั้น) จีน(ได้นิดหน่อย เพราะในครอบครัวไม่ค่อยพูดจีนกัน) พูดไทยชัดเจน แต่บางทีก็ไม่พูดควบกล้ำ ร ล ภาษาอังกฤษ สำเนียงยังออกไทยๆอยู่ ส่วนจีนสำเนียงไทยชัดเจน
- ศาสนา คริสต์ (นิกายโปรแตสแตนท์ แต่ก็ไม่ได้เคร่งอะไรมากนัก)
21.ครอบครัว (ระบุมา ‘พอสังเขป’ ยังไม่ต้องระบุรายละเอียดของแต่ละคน)
- ครอบครัวมาสี่คนรวมมะปรางด้วย มีพ่อ แม่ พี่สาวที่เรียนมหาลัยอยู่ปี2 และมะปราง เคยมีคุณยายอยู่ด้วย แต่เสียไปเมื่อสองปีก่อนด้วยโรคชรา
- ทั้งพ่อและแม่มีเชื้อจีน(เป็นจีนแต้จิ๋ว)อยู่ แต่เป็นรุ่นหลังๆ ทำให้ไม่ค่อยเหลือเชื้อจีนเท่าไหร่แล้ว ภาษาที่พูดกันก็ใช้ภาษาไทย มีบางคำที่เป็นภาษาจีนติดปากกันมาไม่กี่คำ แถมยังนับถือศาสนาคริสต์ทั้งคู่ด้วย เลยไม่ได้สืบสานวัฒนธรรมแบบจีนต่อเลย
- พี่สาวเรียนอยู่มหาลัยชื่อดังที่จังหวัดขอนแก่น คณะแพทยศาสตร์ และจะกลับมาช่วงปิดเทอมอย่างเดียว
- เป็นครอบครัวที่เปิดใจกัน มีอะไรก็คุย และมะปรางกับพี่สาวก็เป็นเด็กดี ไม่มีประวัติด่างพร้อย พ่อแม่เลยค่อนข้างวางใจ
- ช่วงปิดเทอมจะไปเที่ยวทุกครั้ง อยู่ที่ว่าในหรือนอกประเทศ
- มีฐานะพอสมควร
- พ่อทำงานเป็นผู้จัดการสาขาธนาคาร แม่เป็นฟรีแลนซ์ รับจ้างวาดภาพ เพราะพ่อได้เลื่อนขั้นเลยย้ายมาอยู่แถวๆบางขุนเทียน
- พอดีมะปรางจบม.3เลยให้ย้ายรร.มาเรียนแถวบ้านซึ่งก็คือโรงเรียนลูกบาศก์
22. อื่นๆ
- แอบเสียใจที่ไม่ได้เรียนต่อที่เดิม แต่ก็คิดว่าที่นี่อาจจะดีกว่า
- รวมๆแล้วก็แค่สาวน้อยธรรมดาคนนึง
- คิดไว้ว่าขึ้นม.ปลายจะไว้ผมยาว
- แอบกลัวอยู่ว่าจะโดนว่าว่าไปย้อมผมมา