Cubicschool Wiki
Register
Advertisement
อองฟอง - รักษณา อมรกานต์

ENFANT - Raksana Amonrakarn

[[
5510 - Enfant

ENFANT

|250px]]

ชื่อ-นามสกุล

รักษณา อมรกานต์ (Raksana Amonrakarn)

ชื่อเล่น

อองฟอง (Enfant)

วันเกิด (อายุ นับถึงปี 2559)

7 เมษายน พ.ศ.2540 (18 ปี)

เพศ (รสนิยมทางเพศ)

หญิง (ชอบผู้ชาย)

สถานะ

นักเรียนรุ่นที่ 5 (2555-2557)

แผนการเรียน

ศิลป์-ญี่ปุ่น

ส่วนสูง-น้ำหนัก

154 เซนติเมตร / 45 กิโลกรัม

ศาสนา

พุทธ

กรุ๊ปเลือด

n/a

ชมรม

ดนตรีสากล

อองฟอง - รักษณา อมรกานต์

ข้อมูลทั่วไป

DB1

1. ชื่อจริง / นามสกุล / (ชื่อเล่น)

รักษณา อมรกานต์ (อองฟอง) (รัก-สะ-นา / อะ-มอน-ระ-กาน) 

Raksana Amonrakarn (Enfant) 

2. อายุ 

15 ปี (ผ่านวันเกิดแล้วจะมาแก้ค่ะ)

3. วัน เดือน ปี เกิด 

7 เมษายน 2540

4. เพศ :: หญิง

รสนิยมทางเพศ :: ยังไม่ทราบแน่ชัด แต่ก็น่าจะเป็นเพศชายเหมือนคนปกติทั่วไป 

5. ความสูง :: 154 cm หยุดสูงแล้ว น้ำหนัก :: 45 kg

6. รูปพรรณสัณฐาน


ชุดที่ใส่ตอนสอบสัมภาษณ์ (ไม่สามารถให้เครดิตได้เพราะเป็นรูปที่ถ่าย, ครอป และอัพโหลดเอง ขออภัยจ้ะ)


ภาพต้นฉบับจากผอ.โคค่อน

อัพเดตภาพ ม.5 จ้ะ

- ตัวเล็กๆค่อนไปทางผอมแต่ไม่ถึงกับดูขี้โรค ตัวตรงไหล่ไม่ห่อ ไม่ค่อยก้มหน้าแล้ว แต่สายตาจะมองต่ำลงพื้นอยู่ตลอดเวลา ถ้าคุยกับคนอื่นจะหลบตาบ้าง แต่ก็พยายามที่จะสบตาตรงๆ

- ผิวขาวแบบมีเลือดฝาด ออกคล้ำแดดหน่อยๆ

- ผมสีน้ำตาลเกือบเข้มที่ออกแดงๆ ผมหน้าม้าตอนนี้ยาวลงมาจนบังตา เลยติดกิ๊บปัดไปข้างขวาเพื่อไม่ให้เกะกะ และผมยาวขึ้นจนถักเปียได้อีก 1 ข้อ

- ตาสีน้ำตาล หางตาตก แววตาดูเศร้าๆ

7. ลักษณะนิสัยและพฤติกรรมต่างๆของตัวละคร

คีย์เวิร์ด :: คุณหนูเรียบร้อย / ออทิสติก / แสดงอารมณ์ได้บ้าง / โลกใบเล็กส่วนตัว / แอบคิดมาก / รู้สึกแปลกแยก / เหม่อง่าย / คิดแบบเปรียบเปรย

คุณหนูเรียบร้อย

เป็นเด็กที่ไม่ได้โตมาในครอบครัวที่ร่ำรวยมีฐานะอะไรมากนัก แต่ด้วยท่าทางที่นิ่งๆเงียบๆ สำรวมกิริยามารยาทอยู่เสมอ คำพูดคำจาสุภาพมีหางเสียงตลอด ทำให้ดูเป็นลูกคุณหนูที่โดนอบรมสั่งสอนมาอย่างดี

ออทิสติก

อองฟองเป็นเด็กที่มีปัญหาทางด้านความผิดปกติของสมอง หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า "ออทิสติก" ทำให้เธอมีความบกพร่องในด้านการปฏิสัมพันธ์ การ สื่อสาร และการแสดงออกทางพฤติกรรมที่ผิดปกติ เช่น ไม่แสดงสีหน้าในการตอบรับและสื่อสารกับผู้อื่น พูดช้าหรือไม่พูด พูดคำยากๆบางคำไม่ได้ และยึดติดกับกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งที่เธอสนใจซึ่งอาจมากจนเกินไป

อาการของอองฟองอยู่ในระดับปานกลาง หรือที่เรียกว่า Moderate Autism ซึ่งในกลุ่มนี้จะมีปัญหาด้านการสื่อสาร ทักษะสังคม การเรียนรู้ รวมทั้งด้านการช่วยเหลือตนเอง 

แต่ปัจจุบันได้รับการบำบัดและการฝึกฝนทักษะด้านต่างๆจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและทางบ้านแล้ว ปัญหาในเรื่องการสื่อสาร การ เรียนรู้ และการช่วยเหลือตนเองจึงเริ่มทุเลาลง พอเข้าใจเรื่องอารมณ์พื้นฐาน เช่น ยิ้มคือดีใจ ร้องไห้คือเศร้า แต่ยังคงไม่สามารถแสดงอารมณ์เหล่านั้นออกมาได้ ยังติดนิสัยพูดช้า อยู่บ้าง ส่วนคำยากๆที่นึกไม่ออกจะพยายามใช้วิธีพูดเป็นวลีสั้นๆที่สื่อถึงคำนั้นๆแทน และยังคงไม่เข้าใจในสิ่งที่เรียกว่า "นามธรรม" อยู่ดี รวมทั้งเรื่องความรักด้วย ซึ่งเธอก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไรเหมือนกัน 

สรุป เป็นออทิสติกในกลุ่มที่มีปัญหาด้านการสื่อสาร สังคมและอารมณ์ แต่อยู่ในระดับที่ไม่ส่งผลกระทบต่อคนรอบข้างมากนัก

(อ้างอิงจาก 

http://www.cf.mahidol.ac.th/floortime/admin3/index.php?option=com_content&view=article&id=1 

http://www.thaiparents.com/tot_autism.html )


แสดงอารมณ์ได้บ้าง

ถึงจะพอรู้ว่ายิ้มคืออะไร ร้องไห้ โกรธคืออารมณ์ใด แต่อองฟองไม่เข้าใจว่าจะต้องสิ่งเหล่านั้นออกมาอย่างไร ในสถานการณ์แบบไหนถึง จะถูกต้อง ซึ่งเป็นผลพวงมาจากอาการออทิสติกของเธอ ทำให้กลายเป็นคนไร้อารมณ์ไปในสายตาคนอื่น บวกกับเสียงพูดที่เป็นโทนนิ่งๆเรียบๆ ขาดมิติ ไม่มีชีวิตชีวา เลยยิ่งดูเป็นตุ๊กตาที่ไม่มีชีวิตจิตใจไปกันใหญ่ แต่น้อยครั้งที่จะมีออกมาบ้าง เป็นการตอบสนองแบบอัติโนมัติตามธรรมชาติเหมือนคนปกติ แต่อองฟองจะตอบสนองช้าจนถึงช้ามากปัจจุบันเริ่มแสดงสีหน้าดีใจ ผิดหวัง เศร้าได้บ้าง แต่ยังไม่มากเท่าคนทั่วไป

โลกใบเล็กส่วนตัว

คือโลกแห่งความฝันโลกที่ 2 ของเธอซึ่งแยกออกมาจากความเป็นจริง เกิดจากจินตนาการเล็กๆที่อยากให้ทุกสิ่งรอบตัวมีชีวิตจิตใจ ยิ้ม หัวเราะ ร้องไห้ ได้เหมือนกับคนทั่วไป ราวกับว่าความฝันนั้นออกมาจากจิตใต้สำนึกของเธอเอง ที่อยากจะมีอารมณ์ร่วมไปกับคนรอบข้างบ้าง แต่ก็ทำไม่ได้ อองฟองเลย สร้างโลกเล็กๆขึ้นมาอีกโลกหนึ่งในจินตนาการของเธอ ที่สิ่งต่างๆรอบตัวจะสื่อสาร มีอารมณ์ความรู้ได้เหมือนกับมนุษย์ เช่นแมลงปอที่ชอบบินเฉี่ยวไปเฉี่ยวมา เธอก็จะบอกว่าคุณแมลงปอเขาชอบโผล่มาจ๊ะเอ๋แล้วก็หนีหายไป ผึ้งกำลังเก็บน้ำหวานจากเกสรดอกไม้ ก็จะบอกว่าคุณดอกไม้ดอกนั้นกำลังให้อาหารกับคุณผึ้งอยู่ อะไรแบบนี้

เป็นข้อดีหนึ่งอย่างของอองฟองในฐานะที่เป็นเด็กออทิสติกที่มี จินตนาการสร้างสรรค์ ถึงจะเป็นแค่เรื่องเล็กๆก็ตาม เนื่องจากเด็กออทิสติกทั่วไปถึงจะได้รับการบำบัด แต่จะขาดสิ่งที่เรียกว่าความคิดสร้างสรรค์ไป 

อนึ่ง อองฟองจะไม่เล่าเรื่องโลกในจินตนาการของเธอให้ใครฟัง ยกเว้นว่าอีกฝ่ายถาม และดูท่าทางอยากรู้จริงๆในสายตาอองฟอง (กระตือรือร้น ร้องขอ ออดอ้อน แสดงท่าทีสนใจอย่างเต็มที่)

แอบคิดมาก

คิดอยู่ในใจเสมอว่าเพื่อนๆจะรำคาญรึเปล่าที่เธอเป็นแบบนี้ จะไม่ชอบมั้ยถ้าเธอพูดอะไรออกไป เขาอาจจะเกลียดเธอก็ได้เพราะไม่เหมือนกับคนอื่น มักจะคิดเล็กคิดน้อยอยู่สารพันร้อยแปดแบบนี้เป็นประจำ (ผลพวงมาจากประสบการณ์ช่วงม.ต้น)

รู้สึกแปลกแยก

ช่วงม.ต้นถูกกีดกันอย่างชัดเจนเพราะเป็นออทิสติก เลยกลายเป็นความหลังฝังใจที่ว่าตัวเองนั้นแตกต่างคนอื่นทั่วไป ทำให้ไม่ชอบการเข้าสังคมเท่าไหร่นัก เพราะคิดอยู่ตลอดว่าตัวเองแปลกแยก คนอื่นๆคงจะไม่ชอบ ตอนนี้เริ่มรู้สึกน้อยลง แต่ก็ยังกล้าๆกลัวๆกับการเข้าสังคมอยู่

เหม่อง่าย

ชอบหลุดไปอยู่ในโลกจินตนาการส่วนตัวของตัวเองอยู่ตลอด คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย จ้องวิวนอกหน้าต่างได้เป็นชั่วโมงๆโดยไม่ละสายตาไปที่อื่นเลย

คิดแบบเปรียบเปรย

ไม่ใช่ในเชิงเปรียบเทียบว่าอันนั้นดีอันโน้นไม่ดี  แต่คือการเปรียบโลกในความเป็นจริงกับโลกเพ้อฝันของตัวเอง เป็น วิธีช่วยจำเฉพาะตัวอย่างหนึ่ง เพราะจะเรียกแบบนั้นไปตลอด ผู้ชายใจดีก็จะเป็นคุณต้นส้มบ้าง ผู้หญิงอ่อนโยนก็เป็นคุณต้นโมกข์บ้าง ไล่ลำดับไปสองสามสี่ (ลำดับที่หนึ่งคือคุณพ่อคุณแม่) อะไรน่ารักๆเธอก็จะบอกว่าเหมือนลูกแมวตัวน้อย ส่วนอะไรที่กลัวก็จะบอกว่าเหมือนแมงมุมยักษ์ และอื่นๆอีกมากมาย

แต่ในกรณีที่เป็นบุคคลจะเรียกออกมาตรงๆก็ต่อเมื่อไว้วางใจหรือสนิทสนมกันแล้วเท่านั้น ปกติจะเก็บไว้เรียกอยู่ในใจเงียบๆมากกว่า

8. การใช้คำพูด

พ่อ แม่ :: อองฟอง - คุณพ่อ / คุณแม่ / ต้นส้มของอองฟอง / ต้นโมกข์ของอองฟอง มีหางเสียงทุกครั้งเวลาพูด

ญาติ :: อองฟอง - ลุงป้าน้าอา แล้วแต่คนนั้นมีฐานะเป็นอะไรแล้วตามด้วยชื่อที่เรียกกันในหมู่ญาติ มีหางเสียงทุกครั้งไม่ว่าอายุมากกว่าหรือน้อยกว่า

คุณครู :: หนู - ครูแล้วตามด้วยชื่อจริง ลงคะขาทุกครั้ง

รุ่นพี่ :: อองฟอง - พี่แล้วตามด้วยชื่อจริง (อาจเปลี่ยนเป็นชื่อเล่นถ้าอีกฝ่ายอนุญาต) มีหางเสียงตลอด 

เพื่อน :: อองฟอง - เรียกชื่อเล่นของคนๆนั้น ยังไม่วายลงหางเสียง 

รุ่นน้อง :: พี่ - น้องแล้วตามด้วยชื่อเล่น มีหางเสียงตลอด 

ตัวอย่างบทสนทนา 

  • โทรหาคุณพ่อให้มารับเพราะติดฝนอยู่ที่โรงเรียน :: "คุณพ่อคะ อองฟองยังอยู่โรงเรียนนะ.. ฝนยังตกไม่หยุดเลย มารับได้รึเปล่าคะ...?"
  • ส่งงานที่ห้องพักครู :: //เคาะประตูห้องแล้วค่อยๆเปิดออก "เอ่อ... ข ขออนุญาตค่ะ หนูมาส่งงานครู...น่ะค่ะ"
  • รุ่นพี่ออกปากจะช่วยเก็บเอกสารที่ทำตกกระจายไปหมดให้ :: "ค...คะ?

คือ..ไม่เป็นไรหรอกค่ะ อองฟองเก็บคนเดียวน่าจะพอไหว..." //ถ้ารุ่นพี่ยังยืนกรานว่าจะช่วย "....ง งั้นก็..รบกวนด้วยนะคะ..."

  • เพื่อนชวนไปกินข้าวด้วยกันหลังเลิกคาบสุดท้ายก่อนพักเที่ยง :: "..รอ...แป๊บนึงนะคะ ขออองฟองเก็บของก่อนนะ.."
  • รุ่นน้องเก็บของที่ทำตกได้แล้วนำมาคืน :: "..อ๊ะ จ...เจอที่ไหนเหรอคะ?

เอ่อ...คือ.. ...ขอบคุณมากนะคะ ที่..เก็บไว้ให้ นึกว่าจะหายไปซะแล้ว..." 9. สิ่งที่ชอบ

- เสียงดนตรีเบาๆ โดยเฉพาะเสียงเปียโน

- เรื่องราวจินตนาการเพ้อฝันต่างๆ เบาสมอง อ่านง่ายไม่ซับซ้อน

- พจนานุกรมทั้งภาษาไทยและอังกฤษ เอาไว้ดูพวกศัพท์ยากๆที่ตัวเองไม่เข้าใจ

- กลิ่นหอมๆหวานๆของขนมกับดอกไม้

- ของหวานแทบทุกชนิด

- บรรยากาศเงียบสงบ ไม่มีเสียงดังรบกวน

- ความสวยงามของธรรมชาติ ต้นไม้ดอกไม้ แมลงและสัตว์ต่างๆ

- วิวนอกหน้าต่าง จะเป็นวิวแบบไหนก็ได้

10. สิ่งที่เกลียด,กลัว

เกลียด ::

- เสียงดังๆโหวกเหวกโวยวาย

- ถูกรบกวนมากจนเกินไป

- ที่ๆแออัด คนเยอะๆ


พฤติกรรมเมื่อเจอสิ่งที่เกลียด - อาจจะมีอาการแสดงสีหน้าไม่พอใจบ้าง น้อยมากถึงมากที่สุด (เช่น ขมวดคิ้วจางๆ หรือเบะปากเล็กน้อย) ถ้ามีคนถามก็จะบอกว่าไม่ชอบ ถ้าเลี่ยงได้ก็จะเลี่ยง เช่นเดินหนี หรือหลบไปที่อื่นที่ไม่มีสิ่งเหล่านี้


กลัว ::

- โดนมองว่าแปลกแยก แตกต่าง ไม่เหมือนคนอื่น

- การถูกจ้องหน้า

- แมงมุม (ตอนเด็กๆเห็นผีเสื้อโดนแมงมุมกินไปต่อหน้าต่อตา เลยกลัวฝังใจมาจนทุกวันนี้)


พฤติกรรมเมื่อเจอสิ่งทีกลัว

- กรณีแรกจะนิ่งไป เงียบๆไม่พูดไม่คุย แต่ในใจกำลังกลัวและสับสน

- กรณีที่สองจะพยายามหลบ หนีได้ก็จะหนีอย่างเร็ว (อาจจะหลบหน้าคนๆนั้นไปสักระยะ)

- กรณีที่สาม อย่างแรกคือหนีให้ไกลที่สุด ถ้าถูกบังคับไม่ให้หนีก็จะร้องไห้ หนักมากๆเข้าอาจมีพูดซ้ำๆกันวกไปวนมา เป็นแบบนี้จนกว่าจะหนีพ้นหรือแมงมุมหายไปแล้ว

11. งานอดิเรก

- นั่งมองวิวนอกหน้าต่างไปเรื่อยเปื่อย

- แวะห้องสมุด หานิทานอ่านไม่ก็พจนานุกรมมานั่งเปิดดูคำศัพท์

- นั่งมองหรือจ้องอะไรสักอย่างนานๆได้เป็นขั่วโมง

12. สายการเรียน :: ศิลป์-ภาษา (ญี่ปุ่น)

13. วิชาที่ชอบ / ไม่ชอบ 

ชอบ ::

ภาษาไทยและภาษาต่างประเทศ (รวมอังกฤษและญี่ปุ่น) - ชอบที่จะได้เรียนรู้ศัพท์ใหม่ๆและรูปประโยค เพื่อจะเอามาแก้ไขนิสัยการพูดของตัวเอง

ไม่ชอบ ::

สังคมศึกษาฯ - โดนคุณครูว่าเรื่องที่ชอบนั่งมองนอกหน้าต่างว่าทำอะไรไม่เหมือนชาวบ้าน เลยเป็นผลทำให้ไม่ค่อยชอบวิชานี้ไป

14. วิชาที่ถนัด / ไม่ถนัด 

ถนัด :: 

ดนตรี - ชอบเสียงดนตรีมาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และคิดว่าการได้ลองเล่นเพลงใหม่ๆก็เป็นอะไรที่สนุกดี

ไม่ถนัด :: 

วิทยาศาสตร์ - จำทฤษฎีได้ แต่พอถึงชั่วโมงทดลองมักจะทำพลาดอยู่บ่อยๆ

พละ - ไม่ถนัดพวกกีฬาที่ต้องใช้ลูกกลมๆทุกชนิด

15. คะแนนวิชาต่างๆในตอน ม.4

ภาษาไทยพื้นฐาน - ครูปราชญ์ (รอการตัดเกรด)

ภาษาไทยเพิ่มเติม - ครูปราชญ์ (รอการตัดเกรด)

ภาษาอังกฤษพื้นฐาน - ครูกวี (รอการตัดเกรด)

ภาษาอังกฤษอ่าน-เขียน - ครูกวี (รอการตัดเกรด)

ภาษาอังกฤษฟัง-พูด - ครูกวี (รอการตัดเกรด)

สังคมศึกษาพื้นฐาน - ครูเล (รอการตัดเกรด)

สังคมศึกษาเพิ่มเติม - ครูเล (รอการตัดเกรด)

พระพุทธศาสนา - ครูโอ (รอการตัดเกรด)

สุขศึกษา - หมอโชค (รอการตัดเกรด)

พลศึกษา - ครูคมเดช (รอการตัดเกรด)

แนะแนว - ครูชา (รอการตัดเกรด)

คณิตศาสตร์พื้นฐาน - ครูซัน (รอการตัดเกรด)

ฟิสิกส์พื้นฐาน - ครูสายฟ้า (รอการตัดเกรด)

วิทย์กายภาพ - ครูสายฟ้า (รอการตัดเกรด)

โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ - ครูเอิร์ธ  (รอการตัดเกรด)

ภาษาญี่ปุ่น (รอการตัดเกรด)

ห้องสมุด (วิชาเลือก1) - ครูกช (รอการตัดเกรด)

ปรัชญา (วิชาเลือก2) - ครูชา (รอการตัดเกรด)

กิจกรรมชมรม (ชมรมดนตรี) - (รอการตัดเกรด)

16. ความสามารถพิเศษในการเรียน

- เล่นดนตรีได้ทั้งไทยและสากล (ไทย - ขิม / สากล - เปียโน)

- ความจำดีในระดับหนึ่ง ทำให้จำทฤษฎีต่างๆได้เยอะ 

17.ลักษณะคนที่จะเป็นเพื่อนได้

- คนที่ยอมรับในตัวเธอเอง รับฟังคำพูดของเธอได้อย่างไม่ขัดข้องใจ

- คนที่คุยด้วยแล้วรู้สึกสบายใจ ไม่มีบรรยากาศกดดัน

18. ลักษณะคนที่ไม่ถูกชะตา

- คนที่มองว่าเธอแปลกแยกจากคนอื่น กีดกันเธอออกจากกลุ่ม

- คนเสแสร้ง หน้าไหว้หลังหลอก

- คนที่มีความคิดขัดแย้งกับความเพ้อฝันของเธออย่างชัดเจน


19. เสป็กในดวงใจ

คนที่ใจดี อบอุ่น ร่าเริงอารมณ์ดี ยอมรับในตัวของเธอเอง รับฟังความคิดเห็นของคนอื่น

(แต่ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ก็คือคนที่อองฟองอยู่ด้วยแล้วรู้สึกสบาย ใจ ยังไม่ใช่คนที่รักหรือชอบ เพราะเธอยังไม่รู้จักความหมายของการรักและชอบค่ะ)

อนึ่ง ถ้าเป็นผู้ชายและตัวสูงกว่า อาจมีใจเอนเอียงให้เป็นพิเศษ (อองฟองคิดว่าคนที่ตัวสูงกว่าสามารถปกป้องหรือช่วยเหลือเธอได้ค่ะ)

20. สัญชาติ, เชื้อชาติ, ภาษาที่พูดได้ และศาสนา

- สัญชาติ :: ไทย

- เชื้อชาติ :: ไทย-ฝรั่งเศส

- ภาษาที่พูดได้ :: ไทย อังกฤษ (คุยกับคนต่างชาติพอรู้เรื่อง แต่ถ้าเจอคำยากๆก็จบ) ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น (สองอย่างหลังได้แค่ประโยคง่ายๆเท่านั้น เช่นแนะนำตัว ถามประวัติส่วนตัวอีกฝ่าย ถามสิ่งนี้คืออะไร ฯลฯ แต่ยังฟังไม่ค่อยออก)

- ศาสนา :: พุทธ

20. อื่นๆ

- เป็นลูกคนเดียว คุณพ่อเป็นคนไทย คุณแม่เป็นคนฝรั่งเศส (พูดไทยได้) ชื่ออองฟองที่เป็นภาษาฝรั่งเศสก็คุณแม่ตั้งให้

- เริ่มพูดภาษาฝรั่งเศสกับญี่ปุ่นแบบง่ายๆได้ จำศัพท์และรูปประโยคต่างๆได้มากขึ้น แต่ความสามารถในการฟังเพื่อแปลยังต่ำอยู่

- จินตนาการเพ้อฝันส่วนใหญ่ได้รับอิทธิพลมาจากคุณแม่ที่เขียนนิทานเป็นงาน อดิเรก ส่วนเรื่องดนตรีได้จากคุณพ่อที่เป็นอาจารย์สอนดนตรีในมหาวิทยาลัยดนตรีและ นาฏศิลป์ไทย-สากล

- ยิ้มได้นิดหน่อย แต่นานๆครั้งจะยิ้มออกมาสักที ตอน นี้ไม่ต้องสนิทกันก็สามารถที่จะยิ้มให้ได้บ้าง แต่เป็นแค่ยิ้มบางๆ ยังไม่เต็มที่ (สนิทแล้วก็ยังยิ้มเท่าเดิม ไม่มากไม่น้อยไปกว่านี้)

- พฤติกรรมของอองฟองเวลาถูกกอดหรือจับมือถือแขนจะเป็นปกติในส่วน ของคุณพ่อคุณแม่ แต่นอกเหนือจากนี้ไป กรณีไม่รู้จัก จำไม่ได้ หรือเจอกันครั้งแรกจะพยายามเว้นระยะห่างเล็กน้อย ถ้าเห็นหน้ากันบ่อยๆจนจำได้แล้วแต่ยังไม่สนิท ระยะห่างอาจน้อยลง จับมืออะไรได้ แต่ถ้ามากกว่านั้นจะถอยหนีลูกเดียว

ถึงจะสนิทแล้ว ถ้าจะกอดก็ยังหนีอยู่ดี แต่อนาคตนี่ก็อาจจะไม่แน่เหมือนกัน

worst case ของอองฟองคือ "การถูกทำลายโลกจินตนาการส่วนตัวของเธอ" ไม่ว่าจะเป็นกรณีใดๆก็ตาม เช่น ออกความเห็นขัดแย้งแล้วพูดถึงสิ่งๆนั้นในด้านของความเป็นจริงออกมา หรือบอกให้เธอเลิกคิดแบบนั้น (กรณี ของอองฟองที่เป็นเด็กออทิสติก ซึ่งจะยึดติดกับสิ่งที่ตนเองรักหรือชอบมากเป็นพิเศษ ถ้ามีอะไรมาขัดขวางจะเป็นการทำให้เด็กเกิดอาการเสียใจเป็นอย่างมาก และสิ่งที่อองฟอง "รัก" มากที่สุดก็คือโลกในความฝันของเธอเองค่ะ)

- ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้น แรกๆอาจจะพอทำใจแล้วเดินหนีไปไกลๆได้บ้าง แต่ถ้าเกิดขึ้นแบบฉับพลันหรือยืดเยื้อก็จะตกใจ เสียใจ จนร้องไห้ อาจถึงขั้นพูดซ้ำไปซ้ำมาเลยก็ได้ 

- เล่นเปียโนได้ เพิ่งสอบได้เกรด 4 มาหมาดๆ (เล่นเพลงยาวๆประมาณ 2-3 หน้าได้ เล่นเพลงนอกเหนือจากบันไดเสียง C major ได้ ไล่ Scale และ Arpeggio ได้เกือบหมด จำทฤษฎีต่างๆได้ครบ แต่เทคนิคยังได้ไม่มากนัก) อนาคตกำลังจะสอบเกรด6 ซึ่งตอนนี้อยู่ในช่วงฝึกซ้อม

(เครดิตรูปแบบการสอบแบบ Trinity Guildhall http://www.piano-ohyes.com/exam/piano-trinity-exam.html )

- เหตุผลที่ชอบเสียงดนตรีและเล่นดนตรีได้ เพราะคิดว่าเสียงดนตรีอาจจะเป็นแนวทางที่จะช่วยสื่ออารมณ์ของเธอออกมาได้ แทนตัวของเธอที่ยังไม่สามารถแสดงสิ่งเหล่านั้นออกมาได้มากนัก

- มีญาติห่างๆชื่อคณิตที่มาสอบเข้าที่นี่เหมือนกัน แต่เป็นญาติห่างๆแบบ...ห่างมาก นามสกุลก็คนละนามสกุลกัน เจ้าตัวก็ไม่เคยรู้จักชื่อและหน้าตากันมาก่อน (ในที่นี้ได้ตก ลงกับผปค.ทางโน้นแล้ว ส่วนนี้จะเป็นแค่ข้อมูลที่ระบุเอาไว้เฉยๆ ถ้าสอบผ่านได้ทั้งคู่ก็จะมีอีเวนท์ที่ทำให้ทั้งสองคนรู้ว่าเป็นญาติกันภาย หลังค่ะ แต่ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสอบไม่ผ่านก็จะลบส่วนนี้ออก และในส่วนของพล็อตหลักกับการเล่น ยังไม่มีการเตรียมกันไว้ล่วงหน้า และจะไม่ให้เกิดการเล่นเฉพาะกลุ่มค่ะ) เริ่มรู้จักกันบ้างตอนม.4 แต่ยังไม่รู้ว่าเป็นญาติกัน

- มาโรงเรียนด้วยรถส่วนตัว โดยคุณพ่อจะแวะส่งที่สถานี BTS วงเวียนใหญ่ตอนหกโมงกว่าๆ แล้วต่อรถเข้าโรงเรียนเอง ขากลับก็ขึ้นรถมาที่สถานี รอรถส่วนตัวเพื่อกลับบ้าน

- บ้านอยู่เกือบชานเมือง (จากบ้านมาสถานีรถไฟใช้เวลาประมาณ 15 นาที) เป็นความต้องการของครอบครัวที่อยากอยู่ใกล้ชิดธรรมชาติมากกว่าเมืองใหญ่ เลี้ยงแมวไว้ 1 ตัว

- เหตุผลที่มาเข้าเรียนที่นี่เป็นความต้องการของพ่อแม่ ที่อยากให้ลูกได้อยู่กับความเงียบสงบของชานเมืองมากกว่าความแออัดในเมือง หลวง บวกกับความต้องการของอองฟองที่อยากเรียนในโรงเรียนธรรมดาเหมือนคนทั่วไป

- ที่บ้านไม่ค่อยเข้มงวดเรื่องการไปไหนมาไหนของอองฟองมากนัก อาจไปรับไปส่งบ้างหากสถานที่นั้นๆไกลออกไปสักหน่อย และให้โทร.บอกทุกครั้งหากจะเดินทางไปที่อื่นต่อ

- ไม่มีปัญหาเรื่องขึ้นรถลงเรือ จะพยายามเลี่ยงถ้ามีคนเยอะ แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องยอมๆไป อาจจะมีหวาดๆบ้างตามนิสัย แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆหรือเป็นเวลาเย็นมากแล้วก็จะโทรหาคุณพ่อคุณแม่ให้มารับ

เนื้อเรื่องที่เกี่ยวข้อง

สอบสัมภาษณ์

Advertisement