Cubicschool Wiki
Register
Advertisement
เพ - เพทาย พิทยากุล

PE - Petai Pittayakul

[[
5507 - Pe

PE

|250px]]

ชื่อ-นามสกุล

เพทาย พิทยากุล (Petai Pittayakul)

ชื่อเล่น

เพ

วันเกิด (อายุ นับถึงปี 2559)

22 ธันวาคม พ.ศ.2539 (19 ปี)

เพศ (รสนิยมทางเพศ)

หญิง (ชอบผู้ชาย)

สถานะ

นักเรียนรุ่นที่ 5 (2555-2557)

แผนการเรียน

วิทย์-คณิต

ส่วนสูง-น้ำหนัก

163 เซนติเมตร / 49 กิโลกรัม

ศาสนา

พุทธ

กรุ๊ปเลือด

n/a

ชมรม

ม.4 - วรรณกรรม

ม.5 - ศิลปะ

เพ - เพทาย พิทยากุล

ข้อมูลทั่วไป

DB1

1. ชื่อจริง / นามสกุล / (ชื่อเล่น) 

- เพทาย พิทยากุล (เพ) - Petai Pittayakul / Pe

2. อายุ  

- 16 ปี

3. วัน เดือน ปี เกิด 

 - วันที่ 22 ธันวาคม 2539

4. เพศ/รสนิยมทางเพศ

- เพศหญิง ชอบเพศตรงข้าม  


5. ความสูง/ น้ำหนัก 

- 163 ซม. /  49 กก.

6. รูปพรรณสัณฐาน 

 - ผมยาวเลยบ่ามาเล็กน้อย มีการซอยบ้าง ปกติจะมัดรวบไว้เสมอ มีที่มัดไม่ได้หลุดออกมาข้างหูอยู่บ้าง เพราะไม่ติดกิ๊บ

 - ผมและตาสีดำ ผิวขาวออกเหลืองนิดหน่อย ตาไม่ตี่ ไม่กลม

 - รูปร่างอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ไม่อ้วน ไม่ผอม

- ชุดนักเรียนสมัยม.ต้น เป็นเสื้อแขนสั้นติดโบว์สีน้ำเงิน ปกมนๆหน่อย ต้องใส่เสื้อไว้ข้างในกระโปรง


(รูปโดยผอ. โคค่อน ขอบคุณมากค่ะ) ลิ้งค์ ของทางบล็อกโรงเรียนนะคะ



7. ลักษณะนิสัยและพฤติกรรมต่างๆของตัวละคร

   อารมณ์ดี-ยิ้มง่าย/ตรงไปตรงมา/จริงจัง/พึ่งพาตนเอง/หัวแข็ง/มีเหตุผล/ชอบคิด 

 
อารมณ์ดี ยิ้มง่าย

- ดูเป็นคนตรงๆ แต่ไม่เครียด อารมณ์ดี สบายๆ ยิ้มง่าย

 - ไม่ใช่คนเฮฮา ร่าเริง สดใส แต่ก็เข้ากับคนอื่นได้อยู่

- ท่าทางใจเย็น ไม่โผงผาง 


ตรงไปตรงมา

 - รู้สึกอย่างไรก็แสดงออกแบบนั้น ซื่อตรง จริงใจ ไม่ชอบการคดโกง

 - ไม่ค่อยมีความลับกับใครสักเท่าไหร่ ถ้ามีก็จะพยายามหลีกเลี่ยง

 เช่น โดนถามว่า "A เขาแอบทำอะไรอยู่หรอ" อาจตอบไปว่า "อืม.. ทำไมถึงอยากรู้ล่ะ?" แล้วปล่อยให้อีกฝ่ายเล่าสักพัก แต่ถ้าโดนถามต่ออาจจะเปลี่ยนประเด็นเป็น "งานครู B ส่งยังน่ะ?" แต่ถ้าอีกฝ่ายยังถามต่ออาจจะบอกไปตามตรงว่า เพื่อน A เขาไม่ให้เราบอก หรือไม่ก็หนีไปดื้อๆ

 - ถ้ามีคนถามคำถามที่ไม่อยากตอบ ก็จะเงียบ ไม่ตอบ หรือเปลี่ยนประเด็นไปเลย จะไม่โกหกเด็ดขาด 

(*คำถามที่ไม่อยากตอบ : พวกที่ชอบถามเรื่องส่วนตัว เช่น "สูงกี่ cm." "น้ำหนักเท่าไหร่" "พ่อแม่นิสัยอย่างไร" โดยเฉพาะเวลาที่ไม่สนิทกับคนถาม ถ้าสนิทกันหน่อยก็ตอบได้ + คำถามประเภท "เล่นอินเตอร์เน็ทบ่อยหรอ?" เพราะฟังแล้วเหมือนอีกฝ่ายกำลังมองว่าหน้าอย่าง เราคงเอาแต่เล่นคอมพิวเตอร์ล่ะสิ)

- ถ้าเป็นความลับของคนอื่น(ประเภทที่คนอื่นบอกมาว่า "ห้ามบอกใครนะ") ก็พอเก็บเงียบไว้ได้  แต่ถ้าโดนเค้นถามมากๆก็อาจสารภาพออกไป

 - รู้สึกอย่างไรก็บอกตามตรง ถ้าชอบก็ชม ไม่ชอบก็บอกว่าไม่ชอบ

- ถ้าเป็นเรื่องที่ควรรักษาน้ำใจก็จะพยายามตอบแบบเลี่ยงๆ เช่น มีคนให้ของขวัญมาแต่ไม่ชอบ จะบอกว่าขอบคุณ แต่ไม่พูดว่าชอบหรือไม่  


จริงจัง

- พูดจริงทำจริง สัญญากับใครไว้แล้วจะทำให้สำเร็จให้ได้

- มุ่งมั่น ถ้ามีเป้าหมายจะพยายามมาก (ถึงจะบอกว่าตัดใจแล้วก็ตาม)

 - เครียดกับคำพูดผู้อื่นโดยไม่รู้ตัว (เช่นในข้อ 9 จะตีความหมายคำพูดผู้อื่นว่าเป็นการกดดัน แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่ชอบคนที่พูด)

- ตรงต่อเวลา เวลามาสายจะรู้สึกผิด ส่วนใหญ่จะไปถึงก่อนเวลานัดอย่างน้อย 10 นาที

- ไม่เชื่อเรื่องเพ้อเจ้อ หรือเรื่องล้อเล่น แต่ไม่ได้เกลียด หงุดหงิด ออกจะสนุกมากกว่า(เช่น "เฮ้ย! ตรงนั้น UFO" อาจตอบกลับไปว่า "บ้า สัตว์ประหลาดลอยฟ้าต่างหาก") ถ้าผู้พูดเล่าได้น่าสนใจพอก็ฟัง (หมายถึงทำให้เพรู้สึกสนุกได้ หรือคนเล่าสนุกกับการเล่า และรู้เรื่องละเอียดพอ) 

- ถ้าไม่เข้าใจมุกจะเผลอจริงจังกับคำพูดของอีกฝ่ายไป ทำให้โดนหลอกง่าย

- เป็นคนที่ถ้าไว้ใจใครแล้ว จะเชื่อใจอีกฝ่ายมาก เลยไม่ชอบการพูดโกหก เพราะทำให้รู้สึกไม่ดีต่ออีกฝ่าย 


พึ่งพาตนเอง

 - ไม่ชอบพึ่งใคร ความรับผิดชอบสูง ถึงมีงานหนักก็จะไม่ขอความช่วยเหลือ

- ลึกๆแล้วอยากพึ่งคนอื่นอยู่ แต่เกรงใจ คิดว่าจะทำให้คนอื่นลำบาก

  ตัวอย่าง : ไปรับปากว่าจะช่วยทำรายงานของกลุ่ม ถึงจะทำไม่ทันยังไงก็จะไม่บอกเพื่อน แล้วทำให้เสร็จคนเดียวให้ได้ ถึงจะต้องนอนดึกมากก็ตาม


หัวแข็ง

 - มีความคิดเป็นของตัวเอง ทิฐิสูง ยึดความคิดตัวเองเป็นหลัก

 - ไม่ค่อยเชื่อใคร จะเชื่อก็ต่อเมื่อมีเหตุผลรองรับเพียงพอ 

- ถ้าไม่รู้สึกว่าตัวเองผิดจะไม่ขอโทษเด็ดขาด ไม่ชอบการขอโทษเพื่อให้เรื่องจบโดยไม่ดูเหตุผล

ตัวอย่าง : มีคนวิ่งมาชนระหว่างที่ถือแก้วน้ำอยู่ น้ำเลอะเสื้ออีกฝ่าย อีกฝ่ายเรียกร้องให้ขอโทษเพราะยืนขวางทาง แต่เพจะไม่ขอโทษเพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่ผิด

** ในกรณีที่ต้องข้องเกี่ยวกันมากหรือสนิทสนมกันอยู่แล้ว จะไม่ชอบสถานการณ์ที่มองหน้ากันไม่ติด เลยจะบอกไปตามตรงว่าไม่ได้รู้สึว่าตัวเองผิด แล้วอธิบายว่าทำไมถึงไม่รู้สึกผิด

- แต่ถ้ารู้สึกว่าตัวเองผิดจะขอโทษทันทีเพราะไม่ชอบการค้างคาใจ เช่น พูดจบนึกได้ว่าไม่ดี ก็ขอโทษเลย (ขึ้นอยู่กับความคิดของเพว่าสิ่งที่ทำมันถูกไหม)


มีเหตุผล

 - ทำอะไรแล้วจะสามารถตอบได้ว่า ทำทำไม ทำเพราะอะไร

-  บางครั้งเหตุผลของเพทายก็คือ “อารมณ์” เช่น เล่นเกมส์ ก็เพราะอยากเล่น เพราะมันสนุก ไม่ได้ดูที่ว่าเล่นแล้วได้ประโยชน์อย่างไร หรือ อาจจะเลิกทำสิ่งต่างๆ ก็เพราะมันไม่สนุกแล้วก็ได้

 - เวลาทะเลาะกับคนอื่นจะหาเหตุผลมารองรับแนวคิดของตัวเองได้ดีว่าทำไมถึงไม่ คิดจะขอโทษอีกฝ่าย เวลาเถียงกันก็จะพยายามลำดับเรื่องราวให้เรียบร้อย


ชอบคิด

- โลกส่วนตัวสูง ถ้ามีเรื่องให้คิดก็จะคิดยาว 

- เวลาคิดอยู่จะไม่ค่อยตอบสนองคนอื่น บางทีก็ตอบคนอื่นแบบแกนๆ ไปโดยยังไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายถาม/พูดว่าอะไร เช่น “กินข้าวแล้วยัง” อาจตอบว่า “ก็ดีเหมือนกันนะ” หรือถามว่า “เมื่อวานกินข้าวอะไร” อาจตอบว่า “อืมๆได้สิ”  จะให้หลุดจากภวังค์ก็ต้องเรียกสักสองสามที

 - เรื่องที่คิดส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องที่ไม่สำคัญ  เช่น เมื่อวานข้าวเย็นคืออะไร ก็จะพยายามนึก อาจจะคิดย้อนไปถึงเมื่อวานตอนเช้าว่าทำอะไรแล้วไล่มา หรือถ้ายังคิดไม่ออกก็จะไล่ชื่ออาหารเท่าที่นึกออก บางทีทำโจทย์เลขทิ้งไว้หรืออ่านปัญหาเชาวน์มาแล้วยังแก้ไม่ได้ก็จะเผลอนำมา คิดต่อ  แต่แค่อยากรู้ เลยพยายามนึก

  *คิดเฉพาะตอนอยู่คนเดียว /ทำอะไรที่ไมต้องใช้สมาธิมาก เช่น ตอนที่อาจารย์อธิบายเรื่องที่รู้อยู่แล้ว

  * ถ้าคุยกับเพื่อน/ทำกิจกรรมอยู่ก็ไม่ได้ใจลอย แต่บางทีก็คิดไม่จบจนกระทั่งเพื่อนเข้ามาคุยด้วย 

 * ส่วนใหญ่จะไม่คิดในวิชาที่ไม่เข้าใจ/ตั้งใจ แต่ถ้าเป็นวิชาที่ไม่ชอบเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว อาจคิดยาว แต่จะพยายามเรียน (ส่วนหนึ่งเป็นเพราะได้นั่งข้างอองฟอง ตอนม. 4)    

อื่นๆ

เอาตัวเองเป็นหลัก

- ไม่ใช่คนคิดมาก ถ้าหิวก็กิน ง่วงก็นอน เลยดูเป็นการทำตามใจไปบ้าง 

เช่น รู้สึกหิวตอนดึกแล้วก็จะลุกขึ้นมาหาของกิน จะไม่ได้คำนึงถึงสุขภาพสักเท่าไหร่ 

- ไม่ชอบความยุ่งยาก ชอบงานประเภทที่มีแบบแผนมาให้อยู่แล้ว ไม่ชอบทำงานเหนื่อยเลยจะทำแต่สิ่งที่จำเป็น/อยากทำเท่านั้น เลยไม่ค่อยได้ช่วยเหลือใครบ่อยนัก แต่ก็ช่วยบ้าง เช่น อธิบายโจทย์เลข อธิบายทาง แต่ถ้ามีคนมาฝากพิมพ์งานก็จะปฏิเสธ(เพราะไม่อยากรับผิดชอบ)

*เป็นคนรับผิดชอบ ถึงงานจะไม่ค่อยดี แต่ก็มีส่งเสมอไม่เคยเลื่อนส่งงาน)

*ปัจจุบันตั้งใจทำงานขึ้น จากวุฒิภาวะที่มากขึ้น

 * เนื่องจากไม่ชอบการโกหก จะปฏิเสธแบบโยนหน้าที่ให้คนอื่น เช่น มีคนมาฝากส่งจดหมายจะตอบไปว่า "อ๋อ เพื่อน A กำลังจะไปส่งเลย นั่นไง" แทน แต่ถ้าสนิทกันมากๆจะบอกไปเลยว่า "ขี้เกียจ"


- ปัจจุบันอยู่ในสภาพแวดล้อมใหม่ ค่อนข้างเกรงใจเพื่อน ( เช่น อองฟอง, ม่ง, ทะเล ที่ทำให้รู้สึกว่าควรให้ความช่วยเหลือ/ รู้สึกเกรงใจ) จึงเริ่มพยายามช่วยผู้อื่นบ้าง

 - มีจิตสำนึกที่ดีต่อสังคมอยู่ ถ้าเป็นคนแก่และเด็กจะช่วยเสมอ ทำขยะตกถึงไม่ มีใครเห็นก็จะเก็บ แต่จะไม่ช่วยในกรณีประเภทไม่ตั้งใจเรียนแล้วมาขอยืมสมุด จด 


แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี

- ถ้าเป็นยามคับขันจะมีปฏิกิริยาตอบสนองที่ดี ไม่ลนลาน เช่น ทำการทดลองเคมีอยู่ดีๆ ไฟลุกขึ้นในบีกเกอร์ จะรีบดึงเพื่อนถอยออกมาแล้วพยายามหาผ้ามาดับไฟทันที

- ปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ได้ง่าย ไม่แสดงท่าทางว่าตกใจ แต่จะบ่น

- กรณีที่ทำให้ตกใจได้คือเรื่องที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อน หรือเป็นอันตรายอย่างรุนแรง เช่น อยู่ดีๆพัดลมแตกแล้วใบพัดปลิวมา (คาดคิดแล้ว เช่น ใช้มีดแล้วโดนมีดบาด เป็นต้น)


7.1 การแสดงออกทางอารมณ์

- ดีใจ/ขำ/ชอบ/มีความสุข ก็จะยิ้มเป็นปกติ

- ตื่นเต้น ท่าทางจะดูนิ่งมาก แต่ข้างในหัวจะคิดไปต่างๆนานา ไม่ว่าจะเป็นทางดีหรือทางไม่ดีก็ตาม หน้าตาจะซีดลง พูดตะกุกตะกัก แต่พอเริ่มพูดแล้วจะพูดเร็ว

- กลัว ท่าทางจะดูนิ่ง แต่ลึกๆแล้วก็กลัวอยู่ดี จะพูดมากเป็นพิเศษเพื่อหากำลังใจจากคนรอบข้าง หรือรีบหาทางเอาตัวรอดทันที หน้าตาจะซีดลง

- โกรธ  ไม่พูดอะไรกับคนที่โกรธด้วย  (แต่ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยโกรธใคร มีแต่อีกฝ่ายมาโกรธมากกว่า กรณีนั้นก็ไม่ยุ่งด้วยเฉยๆ)

- เวลาคิดอะไรอยู่คนเดียวจะขมวดคิ้ว


8. การใช้คำพูด

- กับพ่อแม่ จะใช้ หนู/เพ - ป๊า ม้า ไม่มีหางเสียง เพราะรู้สึกว่าเป็นครอบครัว สนิทสนมกัน (มีบ้างเวลาจะอ้อนขออะไร)

เช่น “ม้า... เดือนเมษาหนูมีรับประกาศนียบัตร จะไปป่ะ?”

- กับน้อง จะใช้ พี่/เพ/เรา - พี/แก(ชื่อน้อง)

เช่น “พี มาเล่นหมากรุกกันกับเราหน่อยสิ” “

- กับคุณครู-ผู้อาวุโสกว่า ใช้ หนู-ครู/คุณ... มีหางเสียงทุกประโยค ใช้คำค่อนข้างสุภาพ(ถ้าไม่สนิทกัน)

เช่น “เรียนคุณครู B หนูอยากทราบว่างานที่หนูส่งไป จะได้คืนเมื่อไหร่คะ?”

- กับเพื่อน ใช้ เรา - ชื่อเล่นเพื่อน/ฉายา/แก

  เช่น “เออ เราลืมส่งงาน ไปกันก่อนได้เลย”

(กรณีอายุเท่ากัน)

- เรียกตามความสนิท ถ้าเจอกันครั้งแรกจะไม่เรียกชื่ออีกฝ่ายเลย ยกเว้นว่าอีกฝ่ายจะอัธยาศัยดี ให้ความรู้สึกว่าคุยกันได้ และอีกฝ่ายเรียกชื่อเล่นมาก่อน เพถึงจะเรียกชื่อเล่นอีกฝ่าย

- ถ้าเจอกันครั้งสองครั้งแล้วมีโอกาสจะได้เจอกันอีกบ่อยๆ ก็เรียกด้วยชื่อเล่น

- ในกรณีที่ไม่ชอบอีกฝ่าย จะหลีกเลี่ยงไม่คุย แต่ถ้าต้องคุยกันก็เรียกชื่อเล่นอยู่ดี 

- กับรุ่นพี่ใช้-คนที่อายุมากกว่า (หนู) - พี่.. (ส่วนใหญ่จะพยายามเลี่ยงการใช้คำแทนตัวมากกว่า พูดจากสุภาพ มีหางเสียง แต่ก็มีหลุดอยู่บ่อยๆ)

เช่น “... อ้อ ไม่ค่อยได้ไปค่ะ” “โห พี่ยังไม่ได้กินข้าวอีกหรอเนี่ย?”

- กับรุ่นน้อง-คนที่เด็กกว่า ใช้ พี่- น้อง/เรา

เช่น “น้องจะหาหนังสือเล่มนั้น? อ้อ ได้ เดี๋ยวพี่หยิบให้”  

อื่นๆ

- กับคนที่เด็กกว่ามากๆ (ประมาณอนุบาล) ใช้ พี่ - น้อง มีหางเสียง “ครับ” ติดมาด้วย

   ทั้งพูดกับเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิง เป็นนิสัยที่ติดมาสมัยเด็กๆ น้องชายบอกให้เลิกใช้กับน้อง เลยใช้กับคนอื่นแทน เช่น “น้องจะหยิบเล่มนั้นหรอครับ? ปกแดงนะ? เดี๋ยวพี่หยิบให้!”

- เวลาตื่นเต้นมากๆ  จะลืมใส่หางเสียง

- ในกรณีที่ไม่รู้จักกันเลย จะใช้อายุ กับความรู้สึกตัวเองเป็นเกณฑ์ ถ้ารู้สึกเฉยๆ-ดีด้วยก็จะใช้คำพูดสุภาพ

- ถ้าไม่ค่อยชอบอีกฝ่ายจะพูดน้อย (ทั้งในกรณีที่เพิ่งรู้จัก หรือรู้จักกันนานแล้ว)

- ไม่ชอบเรียกเพื่อนด้วยชื่อจริง เพราะให้ความรู้สึกไม่เป็นกันเอง (เพรู้สึกว่าเวลาเรียกคนอื่นด้วยชื่อจริงแล้วเหมือนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน เลยไม่เรียก) *ยกเว้นชื่อตัวเอง

- ไม่ชอบใช้คำประเภทที่ต้องดัดเสียง เพราะฟังแล้วน่าหมั่นไส้ เช่น "แร๊ง!!" "เริ่ด" "ต๊าย"

- ไม่ชอบคำหยาบ เพราะเวลาที่อีกฝ่ายใช้แล้วทำให้เพรู้สึกไม่ดี เลยเกลียดคำศัพท์พวกนี้ *รับได้กับอุทานยกเว้นสัตว์ทุกสายพันธุ์

9. สิ่งที่ชอบ

  

เวลาที่ได้ถกประเด็นกับผู้อื่น

- มีสาระหรือไม่ก็ได้ แต่ตอบกันด้วยเหตุผลในระดับหนึ่ง (ในพันทิป, เว็บดราม่า เป็นต้น)  เพราะเป็นนิสัยส่วนตัวที่ชอบโต้ตอบกับคนอื่น ชอบอ่านการถกเถียงเป็นประจำ

- เช่นเรื่องประเภท โล่ของตัวละคร A ในหนัง ABC สู้กับดาบของตัวละคร B ในหนังเรื่อง XYZ จะเกิดอะไรขึ้น

*ส่วนใหญ่จะถกด้วยการเขียนมากกว่าพูด เพราะมีเวลาทบทวน และไล่ประเด็นให้ชัดเจน

* ไม่ค่อยได้เถียงกับเพื่อน เพราะเพื่อนมักเข้าใจว่าเป็นการอำเล่นกัน หรือปล่อยมุกแป้ก แล้วไม่ได้เถียงอะไรต่อ 

- จะรู้สึกสนุก เวลาที่ได้ถกมาก

การนอน

- ตอนม.ต้น นอนดึกบ่อย ทำให้ตอนเช้าจะเพิ่งรู้ตัวว่าควรจะนอนเยอะๆ จนติดเป็นนิสัยไป  

* ระว่างทำสิ่งที่คาใจกับการนอน จะขึ้นอยู่กับสถานการณ์และอารมณ์ แต่ถ้าตัดสินใจนอนแล้วจะไม่ลุกขึ้นมาทำอะไรเด็ดขาด   * ไม่ชอบไปสาย แต่หลับในห้องเรียนก็มี


- พยายามนอนให้ได้ก่อนห้าทุ่ม และถ้ารู้สึกนอนไม่พอจะพยายามหาเวลานอนเพิ่มชดเชย


อื่น

- เวลาที่ได้ทำงานอดิเรกของตนเอง

8.1 รสนิยม   - ไม่ได้ชอบอะไรเป็นพิเศษนัก

- ชอบสีเรียบๆ เย็นๆ สบายๆ

- ส่วนใหญ่เน้นการใช้งานและความสะดวก การตกแต่งไม่ฉูดฉาดไปก็รับได้หมด

8.2 ของกิน

- ของหวานๆเย็นๆ

เป็นความชอบส่วนตัวเฉยๆ ไม่ได้มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษ แต่คิดว่าอาจมาจากความที่ไม่ชอบอากาศร้อนส่วนหนึ่ง เช่น น้ำแข็งไส(ใส่ขนมปัง) น้ำอัดลมเย็นๆ แตงโมแช่เย็น ผลไม้ตระกูลแตง ไอศกรีม ไอติม ถ้ามีโอกาสก็จะซื้อ แต่ไม่ได้นิยมขนาดซื้อทุกครั้งที่เห็น

- ขนมขบเคี้ยว

จำพวก มันฝรั่งทอดกรอบ เป็นของที่กินแล้วรู้สึกว่าเพลินดี แต่ไม่ค่อยได้กินบ่อยนัก เนื่องจากเวลาซื้อจะเห็นว่าไม่จำเป็นเลยไม่ซื้อ และก่อนซื้อจะคำนึงถึงสุขภาพก่อน

- น้ำอัดลม

- ชอบแต่จะดื่มในปริมาณที่น้อย เริ่มมีแนวคิดว่าไม่ดีต่อสุขภาพ พยายามดื่มให้ไม่เกินสองแก้วต่ออาทิตย์ 

*ชอบแบบที่ใส่แก้วขาย เพราะอยากดื่มแค่นิดเดียว และมันไม่ซ่ามาก *ถ้าเป็นแบบกระป๋องจะชอบน้ำขิงอัดลมเป็นพิเศษ เพราะไม่มีคาเฟอีน และมันประหลาด

10. สิ่งที่เกลียด,กลัว 


เกลียด

- การถูกกดดัน

ไม่ชอบการถูกกดดันหรือการบังคับสั่งให้ทำแบบนั้นแบบนี้ รวมถึงการคาดหวัง

 ถ้าถูกกดดันมาก ๆ จะล้มเลิกไปเลย

 เช่น จะไปสอบโรงเรียน A เพื่อนบอกว่า “พยายามเข้านะ อย่างเพน่ะ ติดแน่ๆ” จะตอบกลับไปแบบปฏิเสธ เช่น “ไม่มีปัญญาหรอก” หรือ “ไม่รู้สิ ไม่แน่หรอก”

  แต่ถ้าพ่อบอกว่า “ต้องติดให้ได้นะ ไม่อย่างนั้น...” อาจจะประท้วงโดยการไม่ไปสอบเลยก็ได้

   *ถ้าเป็นด้านการทำงานที่จำเป็นต้องทำจริงๆ ก็จะพยายามอดทนทำ แต่ไม่ละเอียดมาก เพราะไม่ค่อยได้ขอความช่วยเหลือจากใครอยู่แล้ว 


- แมลงสาบ

ไม่กลัว แต่รู้สึกว่ามันสกปรก (ดูรูปได้ มองเห็นได้) ทำให้เกิดโรคได้ *ถูกแม่ปลูกฝังมา ถ้าพบเห็นในบ้านจะพยายามส่งออกนอกบ้าน ถ้าโดนตัวจะพยายามเอาไปทิ้งแล้วล้างสบู่ ล้างน้ำเท่าที่ทำได้ และบ่นไปอีกสักพัก


- ผึ้งและแมลงทั้งหลาย

 ไม่กลัว แต่รู้สึกว่ามันน่ารำคาญ และบางตัวก็มีพิษเวลาต่อย

 

- อากาศร้อน

 ไม่ชอบแดด ไม่ชอบความอบอ้าว แต่ไม่ได้กลัวผิวเสีย แค่ไม่ชอบเพราะร้อน

พยายามหลบตัวอยู่ในห้องเแอร์ช่วงหน้าร้อน แต่ปกติถ้าไม่ได้ยืนนานๆก็พอทนได้

กลัว

- สุนัข

ไม่เคยโดนหมากัดและไม่เคยมีเรื่องกับมันด้วย แต่แม่ไม่ชอบหมา(เคยโดนกัด) ตอนเด็กๆเลยถูกสอนมาว่าอย่าไปยุ่ง แถวบ้านก็ไม่มีใครเลี้ยง เวลาเจอจะพยายามหลีกเลี่ยง หรือพยายามเว้นระยะไว้

เป็นเรื่องของอคติมากกว่า

*กำลังพยายามลองอยู่ร่วมกับมันอยู่

11. งานอดิเรก

เล่นเกมส์ (กับน้องชาย)

- ส่วนใหญ่จะเป็นเกมส์คอมพิวเตอร์ (จำพวกวางแผนการรบ เกมส์ฆ่าเวลาจำพวก tetris และเกมส์ปริศนา จำพวกหนีออกจากห้อง, Godtower) 

* ช่วยน้องเล่นเกมส์ออนไลน์เป็นพักๆ เล่นกับกลุ่มเพื่อนน้อง และใช้ไอดีร่วมกับน้องในบางครั้ง

- ปัจจุบันเริ่มมีวามสนใจในเกมส์ของผู้ชายมากขึ้น เช่น DotA, warcraft, Diablo เป็นต้น

- ปัจจุบันช่วยวางแผนในการเล่นเกมส์ให้กับทีมของน้องชาย (กิลด์)  

- เกมส์กระดานทั้งหลายแหล่ แต่ไม่ชอบเกมส์ที่ใช้ดวงสักเท่าไหร่ (เช่นพวกเกมส์เศรษฐี บันไดงู) ที่เล่นถนัดคือหมากฮอส กับหมากล้อมญี่ปุ่น แต่ที่เล่นกับน้องบ่อยที่สุดคือหมากรุก (เล่นเกมส์กระดานกับน้อง อาทิตย์ละ 3-4 กระดาน)

ท่องเว็บบอร์ด

- ชอบอ่านกระทู้ที่โต้ตอบกันเป็นพิเศษ บางทีมีเข้าไปร่วมวงบ้างเป็นบางคราว - เว็บที่เข้าบ่อย พันทิป, เว็บดราม่า

อ่านหนังสือ

- ชอบวรรณกรรมเยาวชน กับหนังสือแปลญี่ปุ่นเป็นพิเศษ 

- อ่านการ์ตูนญี่ปุ่น เริ่มอ่านอย่างจริงจัง หลังมีเพื่อนหลายคนแนะนำ ที่ชอบจะเน้นที่เนื้อเรื่องเป็นหลัก ชอบแนวดราม่า ปริศนาหักเหลี่ยม สืบสวน เช่น Liar game, QED

- อ่านการ์ตูนเด็กผู้ชายค่อนข้างเยอะ (ทั้งแนวต่อสู้ หรือ ความรัก) เนื่องจากกลุ่มเพื่อนน้องชายให้ยืมมา

- ชอบหนังสือแนวหักมุม ปริศนา แต่ไม่ชอบพวกที่ยัดปริศนามาซับซ้อนซ่อนเงื่อนเกินเหตุ นิยายจำพวกสืบสวน จิตวิทยา นิยายได้รางวัล จำพวกซีไรท์ เรื่องสั้นหลายแนว

- ส่วนใหญ่จะพยายามอ่านจนจบ ไม่ว่าจะชอบหรือไม่

ดูอนิเมชั่น

- หลังสนิทกับมงคลชัย บวกด้วยแรงคะยั้นคะยอจากกลุ่มเพื่อนของน้องและการเข้าเว็บบอร์ดบ่อย ๆ  จึงได้ดูมากขึ้น จากแต่เดิมที่ดูตามน้องระหว่างรีดผ้า/ ดูเฉพาะที่อ่านเนื้อเรื่องจบแล้วและสนใจ

- ยังถือว่าไม่ได้ดูเยอะมากนัก และไม่ได้ดูจนติด

12. สายการเรียน

-
วิทย์ - คณิต 

 

13. วิชาที่ชอบ / ไม่ชอบ 


วิชาที่ชอบ
   - ภาษาไทย

เพราะชอบวิธีการสอนของครูคนหนึ่งสมัยประถม ชอบตอนเรียนเรื่องโต้วาที ชอบอ่านหนังสือ ก็เลยกลายมาเป็นวิชาที่ชอบและตั้งใจฟัง แต่ไม่ชอบเรื่องหลักภาษา

* อยู่ชมรมภาษาไทยตั้งแต่ประถมปลาย * ปัจจุบันอยู่ชมรมวรรณกรรม

- สังคม

เพราะชอบฟังเรื่องเล่า  สมัยประถมประทับใจครูที่สอน เลยชอบวิชานี้ต่อมา

วิชาที่ไม่ชอบ   - พลศึกษา

เพราะไม่ชอบอากาศร้อนๆ ไม่ชอบทำให้ตัวเองเหนื่อย และเล่นยังไงก็ทำไม่ได้ดี เลยไม่ชอบ


14. วิชาที่ถนัด / ไม่ถนัด

ถนัด   - คณิตศาสตร์

เพราะเป็นวิชาที่เน้นความเข้าใจเป็นหลัก มีคำตอบตรงตัว เลยทำได้ง่ายๆ (ถนัด แต่ไม่ค่อยชอบแนวทางการสอนของครูสมัยม.ต้น ถนัดเป็นพิเศษเรื่องพีชคณิต)

- สังคมศึกษา

เพราะเป็นวิชาที่ชอบ เลยตั้งใจฟัง พื้นฐานเป็นคนความจำดีอยู่แล้ว เลยจำเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่นำมาออกข้อสอบได้ด้วย คะแนนเลยออกมาดี


ไม่ถนัด

- ภาษาอังกฤษ

เพราะไม่มีเซ้นส์ทางภาษาเลย ใช้หลักภาษาไม่ค่อยคล่อง เวลาพูดแล้วสำเนียงคำศัพท์พอไปรอดก็จริง ใช้สื่อสารได้ แต่มีจุดผิดทุกประโยค

-  พละ

เพราะแรงน้อย วิ่งได้ แต่ให้เล่นกีฬานั้นค่อนข้างแย่ เนื่องจากไม่ค่อยออกกำลังกาย  ความแม่นยำในการควบคุมลูกบอลก็ไม่ค่อยดี ส่วนใหญ่เวลาเล่นถ้าไม่จำเป็นจริงๆก็ขอนั่งเป็นตัวสำรองให้กำลังใจข้างสนามพอ

 - ดนตรี   สามารถเป่าขลุ่ย(เพียงออ) สมัยประถมเป็นอย่างเดียว ชอบฟังก็จริงแต่เล่นอะไรไม่เคยเป็นชิ้นเป็นอันได้ เคยพยายามหัดแล้ว แต่ไม่ได้เรื่องสักอย่าง ไม่ชอบเรื่องทฤษฎีดนตรีด้วย (เพราะน่าเบื่อ)

15. คะแนนวิชาต่างๆในตอน ม.3

<รอการตัดเกรด>


16. ความสามารถพิเศษในการเรียน

วาดรูป (สีน้ำ)

  : งานออกมาเป็นแนวมองแล้วสบายตา เน้นใช้สีจางๆ อ่อนๆ ไม่ฉูดฉาด (แต่ไม่ค่อยได้วาด เนื่องจากติดเล่นเกมส์กับน้อง) 

  :  มีวาดการ์ตูนให้น้องดูบ้าง แต่ไม่ได้ชื่นชอบสักเท่าไหร่

*สามารถโต้วาทีได้ แต่ไม่ได้เข้าร่วมมานานพอสมควร


17.ลักษณะคนที่จะเป็นเพื่อนได้

คุยสนุก   เนื่องจากชอบการถก ชอบให้มีคนโต้ตอบเวลาคุย จะตอบมาแบบไหนก็ได้ ต่อให้พูดเรื่องที่ไม่รู้เรื่องมา แต่ถ้าอีกฝ่ายพูดแล้วท่าทางสนุกเพทายก็ฟัง


ไม่นินทากันลับหลัง

ไม่ได้ต้องการเพื่อนที่จริงใจมาก หรือไม่เคยโกหกใครเลย จะเป็นพวกหลอกลวงก็ได้ แต่ไม่ชอบส่วนไหนอยากให้บอกกันตรงๆ


18. ลักษณะคนที่ไม่ถูกชะตา

  : พวกเข้าข้างตัวเอง - รู้สึกว่าคนนี้เข้างข้างตัวเองชะมัด...

เช่น คนที่คิดว่าทุกอย่างต้องเป็นไปตามความคิดของเขา เวลาทำงานไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นใคร ถ้าต้องทำงานด้วยกัน เพทายจะปล่อยเลยตามเลย ทำอะไรก็ทำ ไม่บ่น ไม่เถียง เพราะรู้สึกเปล่าประโยชน์ เหนื่อยเปล่าแต่ถ้าเถียงสนุกก็อีกเรื่อง

  : พวกนินทาลับหลัง - ไม่ชอบคนประเภทนี้มาก เนื่องจากเป็นคนตรงไปตรงมาโดยปกติ

 ถ้าคนโดนนินทาเป็นคนอื่นจะพยายามหลีกเลี่ยงหัวข้อสนทนาพวกนี้ หรือพยายามไม่ไปยุ่งด้วย


ถ้าคนโดนนินทาเป็นตัวเองจะจงใจเมิน ไม่คุยด้วยเลยถ้าไม่จำเป็น

19. เสป็กในดวงใจ

-  ไม่มีเป็นพิเศษ แค่อยู่ด้วยแล้วสบายใจก็พอ 

- อย่างน้อยขอเป็นผู้ชาย

20. สัญชาติ, เชื้อชาติ, ภาษาที่พูดได้  และศาสนา

 เป็นคนไทย สัญชาติไทย พูดไทยและอังกฤษได้ ศาสนาพุทธ

พูดไทยได้ชัดเจน สำเนียงอังกฤษถือว่าดีพอสมควร (แต่ไม่ได้ชัดเหมือนเจ้าของภาษา) สามารถคุยกันชาวต่างชาติได้ เน้นใช้คำศัพท์ง่ายๆเป็นหลัก


21. ครอบครัว    - ในครอบครัวมี 4 คน พ่อ แม่ เพ และน้องชาย(พี)

- มีน้องชายชื่อพี อายุห่างกันสองปี ท่าทางเหมือนจะเกเร ปากร้าย แต่นิสัยออกจะเจ้าระเบียบ จริงจัง

- สนิทกับน้องมาก เพราะพ่อแม่งานยุ่งอยู่บ่อย เลยอยู่กันสองคน

- คุณพ่อ คุณแม่ เป็นหมอ เลยเป็นพวกจริงจัง ทำให้เพติดนิสัยนี้มาด้วยบางส่วน  แต่เพไม่ค่อยชอบส่วนนี้ของพ่อแม่สักเท่าไหร่ เพราะเหมือนโดนกดดัน

- มีญาติฝั่งพ่อที่สนิทกันและกินข้าวด้วยกันอยู่ทุกอาทิตย์เพราะพ่อแม่ของเพไม่มีเวลาว่างคือ ภัทรกาล (แพท ลูกพี่ลูกน้อง - ทำงานแล้ว) กับ พัฒนพล (พัด ลูกพี่ลูกน้อง - 10 ปี) ซึ่งอาศัยอยู่บ้านคุณย่า


22. อื่นๆ   -

เนื้อเรื่องที่เกี่ยวข้อง

สอบสัมภาษณ์

Advertisement